เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรธ.กำลังตรวจสอบความถูกต้องด้านถ้อยคำก่อนที่จะเปิดเผยร่างอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (29 มีนาคม) พร้อมยืนยันว่าร่างรัฐธรรมนูญจะเสร็จตามกำหนดแน่นอน ส่วนเมื่อร่างเสร็จแล้วสิ่งที่จะแก้ไขได้คือคำผิดและความเชื่อมโยงของมาตรา แต่จะไม่มีการแก้ไขในเรื่องสาระสำคัญ และในเนื้อหายังอยู่ที่จำนวน 279 มาตราเช่นเดิม โดยทางรัฐบาลไม่มีท่าทีขอปรับแก้ไขเพิ่มเติมเข้ามาแล้ว
นายมีชัยกล่าวถึงกรณีผลสำรวจจากโพลที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่มาของนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้น เป็นเพราะสื่อเสนอข่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จ โดยสื่อระบุว่า เป็นการเลือกนายกในที่ประชุมรัฐสภาซึ่งเป็นการเข้าใจผิด แต่ความเป็นจริงคือเป็นการประชุมรัฐสภาเพื่อขอยกเว้นหากรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอมาไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรี ท้ายที่สุดการเลือกนายกรัฐมนตรีก็ต้องอยู่ที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าไม่ได้มีการเปิดช่องให้มีนายกรัฐมนตรีจากคนนอก พร้อมมั่นใจว่าจะทำความเข้าใจกับประชาชนได้ไม่ยาก
ส่วนที่มีการนำเสนอข่าวว่า ส.ว.สรรหาเป็นการสืบทอดอำนาจนั้น นายมีชัยกล่าวว่าไม่เป็นความจริง เพราะข้อเสนอที่เข้ามาเป็นการให้สรรหา ส.ว.ทั้งหมด ส่วน ส.ว.ที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านก็แค่ในบทเฉพาะการ ซึ่งมีทั้ง ส.ว.ตามข้อเสนอและ ส.ว.ในแบบที่ กรธ.ออกแบบไว้ ดังนั้นจึงขอให้สื่อช่วยทำความเข้าใจ ขอให้เห็นแก่ชาติบ้านเมืองอย่าเอาแต่ความสนุก
นายมีชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตัดข้อความในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติที่ให้ กรธ.ทำหน้าที่เป็นผู้ชี้แจงสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญกับประชาชนออก และให้ กกต.เป็นผู้ชี้แจงแทน ว่า ” กรธ.เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ แต่เหตุใดไม่ให้ กรธ.เป็นผู้ชี้แจง ซึ่งหากจะให้ กกต.เป็นผู้ชี้แจงก็ไม่สามารถทำได้เพราะไม่ใช่ผู้ร่าง และต้องระมัดระวังถ้อยคำ จะบอกว่าดีหรือไม่ดีก็ไม่ได้ จึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ สนช. เพราะการตัดถ้อยคำที่ไม่ให้ กรธ.ชี้แจงเป็นสิ่งที่แย่ เพราะจะส่งผลกระทบต่อการทำประชามติ ส่วนที่เป็นไปได้หรือไม่ที่ สนช.จะไม่ชอบร่างรัฐธรรมนูญนี้ นายมีชัยตอบว่า ก็ให้เขามาร่างเอง”
สำหรับคำถามพ่วงประชามตินั้น นายมีชัยกล่าวว่าไม่ใช่หน้าที่ของ กรธ.จึงไม่ขอยุ่ง เข้าใจว่าการที่มีคนสองร้อยคนร่วมกันคิดย่อมดีกว่า 21 คนแน่นอน พร้อมยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจแต่การที่คนจำนวนมากคิดย่อมดีกว่าคนส่วนน้อย
