จากกรณีเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘สฤษฎิชัย ยะโสภณ’ โพสต์คลิปเตือนภัยผู้ใช้รถ ขณะขับรถบนถนนเส้นทางไปยัง ต.นาแส่ง อ.เกาะคา จ.ลำปาง บริเวณบ้านแม่หยวก ซึ่งเป็นเส้นทางตรงที่มีความมืดมาก เนื่องจากไม่มีไฟส่องสว่าง ปรากฏว่าได้มีร่างของคนคนหนึ่ง ได้วิ่งพุ่งออกมาจากข้างทางที่มีความมืด
โดยเป็นลักษณะการวิ่งกระโจนมาอยู่กลางถนน ทำให้คนขับรถได้หักหลบ และวิ่งไปตามปกติ ซึ่งเมื่อดูในคลิปภาพ จะพบว่า รูปร่างสูงผอม สวมกางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าผ้าใบสีขาว ผู้ขับขี่ที่ไปพบเจอเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้นำมาโพสต์เพื่อเตือนภัย เพราะอาจจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุกระโดดขวางรถ เพื่อให้ประสบอุบัติเหตุ หรือให้หยุดรถลงไปช่วยเหลือ ซึ่งอาจจะถูกทำร้าย หรือถูกจี้ชิงทรัพย์ได้ท่ามกลางถนนที่มีความมืดมาก
ล่าสุด ทางตำรวจโรงพักเกาะคา จ.ลำปาง ทราบแล้วว่าบุคคลปริศนาคนนี้เป็นหญิงสาว ชื่อว่า นางสาวเอ (นามสมมุติ) โดยจากการสอบถามปากคำ ได้ความว่า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ตนเองได้ทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.เกาะคา จนกระทั่งเวลาประมาณ 00.01 น.ของวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 จึงเลิกงาน และได้ร่วมดื่มสุรากับเพื่อนจนถึงเวลาประมาณ 02.00 น.
หลังจากเลิกดื่ม ได้มีเพื่อนชายคนหนึ่ง ขออาสาไปส่งตน เพื่อกลับบ้าน เมื่อขับรถออกมาตามทางชายคนดังกล่าวได้ขับรถวนไปมาในสถานที่ต่างๆที่ตนไม่รู้จัก และได้มาหยุดบริเวณพื้นที่ ที่เกิดเหตุ จากนั้นเพื่อนชายคนดังกล่าวได้กระทำอนาจารตน แต่ตนไม่เต็มใจ จึงได้วิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุ เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยตนเองได้โบกมือ เพื่อเรียกรถที่ผ่านมาหลายคันแต่ไม่มีคันไหนหยุด ตนจึงได้ตัดสินใจกระโดดขวางหน้ารถคันดังกล่าว (ตามคลิปวีดีโอ) แต่รถคันดังกล่าวหักหลบ และได้ขับต่อไป
หลังจากการกระทำดังกล่าวเพื่อนชายคนนั้นจึงได้กลับใจ เดินมาหาตน และขอโทษจากนั้นได้พาตนไปส่งที่บ้าน กระทั่งพบคลิปตนเองในสื่อออนไลน์ ซึ่งจำได้ว่าเป็นตนเอง โดยได้สวมเสื้อสีเหลือง – ดำ สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน และรองผ้าใบสีชมพู แต่เนื่องจากภาพที่ปรากฏเป็นเสื้อสีขาว และรองเท้าสีขาวนั้น
เชื่อว่าน่าจะเกิดจากการสะท้อนของแสงไฟหน้ารถซึ่งเป็นเเสงสีขาว จึงเดินทางมาพบตำรวจ และได้กล่าวขอโทษสังคมในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายต่อผู้หนึ่งผู้ใด ตามที่สื่อออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ เหตุที่ตนกระทำไปเพราะหวังเพียงต้องการความช่วยเหลือ ในส่วนของการดำเนินคดีกับเพื่อนชายคนดังกล่าวนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
