ลุงพิการอัมพฤกษ์ยอมสละดวงตาให้สาวตาบอดถูกสามีทิ้ง

หลังจากที่มีการนำเสนอเรื่องราวชีวิตที่น่าหดหู่ใจของ น.ส.สุนิสา มุ่งรวยกลาง หรือน้องยุ้ย อายุ 26 ปี ชาวบ้านกลันทา หมู่ 10 ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่พิการตาบอดทั้งสองข้างมานานกว่า 7 ปี เพราะผลข้างเคียงจากการทำงานโรงงานหลอมเหล็ก ซ้ำยังถูกสามีหนีไปบวช ทิ้งให้เลี้ยงลูกชายวัย 1 ขวบ 3 เดือนตามลำพัง ปัจจุบันอาศัยเพิงเล็กๆ ที่ล้อมรอบและมุงด้วยสังกะสีผุพังเป็นที่ซุกหัวนอน ปัจจุบันมีเพียงเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนเดือนละ 300 บาท ซื้อข้าว และอาหารกินประทังชีวิต ต้องอยู่อย่างยากลำบากอดมื้อกินมื้อ บางครั้งไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน จนคิดท้อถึงขั้นอยากจะฆ่าตัวตาย

ล่าสุดได้มี นายพายัพ รอดเมือง อายุ 59 ปี ชาวบ้านหนองหว้า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งพิการเป็นอัมพฤกษ์นอนป่วยติดเตียงมานานกว่า 20 ปี ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง น.ส.สุนิสา หรือน้องยุ้ย สาวพิการตาบอด เพื่อแจ้งความประสงค์ว่าจะขอบริจาคดวงตาให้กับน้องยุ้ย 1 ข้าง เพื่อให้น้องมีโอกาสกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง เพื่อจะได้ทำงานหาเลี้ยงลูกได้ด้วยตนเองโดยไม่เป็นภาระคนอื่น ซึ่งเมื่อน้องยุ้ยได้ยินจากปากคุณลุงว่าจะยอมสละดวงตาให้ 1 ข้าง ถึงกับน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจ

เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีใครที่ยอมเสียสละดวงตาให้กับตนเอง ทั้งที่ไม่ใช่ญาติและไม่เคยรู้จักกันเลย ที่สำคัญคุณลุง ยังมีร่างกายพิการเป็นอัมพฤกษ์แต่หัวใจกลับสุดประเสริฐ ซึ่งคุณลุงยังได้บอกกับน้องยุ้ยทางโทรศัพท์ด้วยว่าหลังจากได้ดูข่าวก็รู้สึกสงสาร และก็ตัดสินใจทันทีว่าอยากจะบริจาคดวงตาของตนเองให้กับน้อง เพราะตนเองก็เป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่แล้วไม่สามารถเดินได้ และเชื่อว่าดวงตาที่ตนเองจะบริจาคจะเป็นประโยชน์ให้กับน้อง ซึ่งตนเองก็ยังเหลืออีกข้างที่ยังมองเห็น

Advertisement

ขณะที่น้องยุ้ยก็กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังคุณลุงพายัพได้โทรศัพท์มาหาว่าจะบริจาคดวงตาให้ ก็รู้สึกดีใจและมีความหวังว่าจะมีโอกาสกลับมาเห็นแสงสว่างได้อีกครั้งแม้จะเพียงข้างเดียวก็ตาม จากที่ก่อนหน้านี้รู้สึกท้อแท้หมดหวังกับชะตากรรมถึงขนาดคิดสั้นอยากจะฆ่าตัวตาย ซึ่งหากกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากการเสียสละดวงตาของคุณลุง ตนก็จะเดินทางไปกราบขอบคุณคุณลุงพายัพ ถึงที่บ้าน พร้อมบอกว่าจะขอตอบแทนคุณลุงเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ และหากมีโอกาสก็จะส่งต่อความช่วยเหลือให้กับคนอื่นเหมือนกับที่คุณลุงช่วยเหลือตัวเองด้วยเช่นกัน

ขณะที่ผู้ใจบุญก็ได้บริจาคช่วยเหลือน้องยุ้ยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมียอดเงินบริจาคแล้วกว่า 1,470,000 บาท ซึ่งน้องยุ้ยก็ตั้งใจว่าจะนำเงินส่วนหนึ่งไปสร้างบ้านให้สามารถกันแดดฝนและปลอดภัยกว่าเพิงสังกะสีที่อาศัยอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา เลี้ยงดูแม่ ตัวเอง และลูกชาย พร้อมขอบคุณทั้งผู้ใจบุญ ส่วนราชการทุกภาคส่วนที่มาให้ความช่วยเหลือตนเองได้หลุดพ้นจากชะตากรรม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image