น.3 คอลัมน์ : แผนลึก อำมหิต ประชารัฐ ไทยนิยม พลังดูด เพื่อไทย

พลันที่ “ประชารัฐ ไทยนิยม” เปิดยุทธการดูดโดยตั้งเป้าไปยังพรรคเพื่อไทย กระแสดูดอันเคยสัมผัสก่อนหน้านี้จะกลายเป็นเรื่องเด็ก-เด็กขึ้นมาทันที

ไม่ว่ากรณี นายสกล ภัททิยกุล พร้อมกับตำแหน่ง “รองผู้ว่าฯ”

ไม่ว่ากรณี นายธานี เทือกสุบรรณ และหรือ นายธวัชชัย อนามพงษ์ ในกรณีของ “รวมพลังประชาชาติไทย”

หรือ นายสนธยา คุณปลื้ม พร้อมกับตำแหน่ง “ที่ปรึกษา”

Advertisement

ในวันนี้ การเคลื่อนไหวจาก “ซุ้มสุโขทัย” ประสานกับการเคลื่อนไหวจาก “บ้านริมน้ำ” อาจพุ่งเป้าไปยังภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางอย่างเป็นด้านหลัก

แต่เมื่อใดที่ขยับเป้าไปยัง “อีสาน” และภาคเหนือ “ตอนบน”

นั่นแหละของจริงจะเกิดขึ้น และหมายถึงความพร้อมในการเปิดตัว “ประชารัฐ ไทยนิยม” อย่างเต็มพิกัด

Advertisement

ยืนยันการสืบทอด “อำนาจ” ชัดเจน

ขณะที่เป้าหมายของพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ 268 เป้าหมายของ “ประชารัฐ ไทยยั่งยืน” ไม่มากถึงขนาดนั้นแต่กำหนดความมั่นใจอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 150

150 เมื่อไปรวมกับ 250 ก็ 400

จำนวน 150 นี่เป็นจำนวนของ “ประชารัฐ ไทยนิยม” เน็ต-เน็ต ไม่หมายถึงรวมพลังประชาชาติไทยและแทบมองไม่เห็นตัวบวกซึ่งจะมาจาก “ประชาชนปฏิรูป”

ยิ่งพลังชาติไทย ทางเลือกใหม่ หรือพลังธรรมใหม่ แทบไม่ต้องเอ่ยถึง

จำนวน 150 ของ “ประชารัฐ ไทยนิยม” จะเกิดขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด หากไม่ทะลวงเข้าไปสลายกำลังของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน และภาคเหนือ

นี่คือ เป้าหมายที่เป็นจริงของ “ประชารัฐ ไทยนิยม”

นี่คือ สิ่งที่ “จอมยุทธ์” นักวางแผนกำหนดให้เป็นภาระหน้าที่ของ “ซุ้มสุโขทัย” ประสานเข้ากับ “บ้านริมน้ำ”

รายงานล่าสุดยืนยัน ใกล้ความจริงเป็นลำดับ

สภาพในขณะนี้ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าคึกคักเพียงใด แต่หากเมื่อใดที่ “ไส้ใน” ถูกเจาะทะลวงด้วยพลังดูดอันแข็งแกร่ง

นั่นหมายถึง “แนวโน้ม” ที่จะนำไปสู่การพังทลาย

เส้นสายของการดูดก็ไม่สลับซับซ้อน 1 ใช้คนที่เคยอยู่ร่วมกับพรรคไทยรักไทย 1 ใช้คนที่เคยอยู่ร่วมกับพรรคพลังประชาชน

และ 1 หากได้คนที่เคยอยู่ร่วมกับพรรคเพื่อไทยยิ่งยอดเยี่ยม

ดำเนินตามหลักการ “สนิมเกิดแต่เนื้อในตน” ค้นหาจุดอ่อนเปราะที่สุดแล้วเจาะทะลวงเข้าไปในแบบใช้ “เงิน” นำหน้า “ตำแหน่ง” ตามหลัง

เป็นไปตามหลัก “แข็งต่อแข็งเงินง้าง อ่อนได้ ดังใจ”

เมื่อใดที่สามารถดูดอดีต ส.ส.จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 มาได้ถือว่าเป็นผลงานและความสำเร็จ

เป้าหมายอยู่ที่ทำให้ยอดของพรรคเพื่อไทยต่ำกว่า 100

คําถามอยู่ที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะปรับตัวอย่างไรจึงจะสามารถรับมือกับการรุกอย่างเป็นรูปธรรมหลังสุดนี้ได้อย่างมีกัมมันตภาพ

นี่ย่อมท้าทายต่อ “เพื่อไทย” อย่างแหลมคมที่สุด

และหากพรรคเพื่อไทยสามารถรักษา “ปริมาณ” ของอดีต ส.ส.จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 เอาไว้อย่างเหนียวแน่นมากเพียงใด นั่นหมายถึงเท่าทุน

คำถามก็คือ จะพัฒนา “เท่าทุน” ให้เป็น “ชัยชนะ” ได้อย่างไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image