คอลัมน์เดินหน้าชน พณ.ฟื้นศก.ฐานราก โดย : สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม

เมื่อเร็วๆ นี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานคิกออฟกองทุนหมู่บ้านปีที่ 3 โดยจัดสรรเงินให้หมู่บ้านละ 3 แสนบาท ต่อยอดจาก 2 ปีที่ผ่านมา

“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนหมู่บ้าน ยืนยันว่าเชื่อมั่นในเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวบ้าน หากโครงการไหนที่กรรมการระดับจังหวัดไม่อนุมัติ แต่เมื่อชาวบ้านคิดกันมาแล้ว ต้องเชื่อและอนุมัติโครงการให้

หลายโครงการไปได้ดี อาทิ ทำน้ำดื่มขายกันเอง หรือปั๊มน้ำมันหมู่บ้าน ที่ลงทุนไม่กี่แสนบาท แต่ “ปตท.” จะมาขอซื้อ 2-3 ล้านบาท

“กองทุนหมู่บ้าน” เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของรากหญ้าให้ดีขึ้น ยังมีอีกหลายโครงการและหลายหน่วยงานที่จะเข้าไปส่งเสริมให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน

Advertisement

กระทรวงพาณิชย์ ที่มี “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เป็น รมว. เป็นอีกหน่วยงานหลักที่มุ่งเน้นเศรษฐกิจฐานรากให้ชุมชนท้องถิ่นกินดี-อยู่ดี โดยดูแลเรื่องห่วงโซ่การตลาด โดยเฉพาะสินค้าเกษตรหลักๆ จากแหล่งผลิต ไปถึงพ่อค้า สู่ผู้บริโภค และการส่งออก ที่ยึดหลัก “การตลาดนำการผลิต”

ทำให้การส่งออก 4 เดือนแรกของปี 2561 ขยายตัวถึง 11.5% มูลค่ารวม 81,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดในรอบ 7 ปี โดยสินค้าเกษตรหลายตัวส่งออกได้ดี ส่งผลเป็นทอดๆ กลับมาถึงเกษตรกร

ราคาสินค้าเกษตรหลักอย่างข้าวสารที่ส่งออกได้ราคาดี ก็ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกแทบทุกชนิดดีขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะข้าวเปลือกหอมมะลิราคาขึ้นไปที่ 18,700 บาท/ตัน สูงสุดในรอบ 10 ปี

Advertisement

มันสำปะหลัง ที่ราคาส่งออกมันเส้นเพิ่มขึ้น 6% และแป้งมันเพิ่ม 4% ทำให้ราคาหัวมันสำปะหลังที่เชื้อแป้ง 25% อยู่ที่ กก.ละ 3.15 บาท จากปีที่ผ่านมาแค่ กก.ละ 1.7 บาท หรืออย่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาหน้าโรงงาน ก็สูงกว่า กก.ละ 10 บาท

ส่วนผลไม้ ที่กำลังผลักดันยุทธศาสตร์ผลไม้ครบวงจรเพื่อนำไปสู่ “มหานครผลไม้ของโลก”

นำร่องด้วย “ทุเรียน” ที่ทำการค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของ “อาลีบาบา” ทำให้มียอดสั่งซื้อถล่มทลาย คิวต่อไปจะเป็นลำไยและมังคุด

นอกจากการดูแลเรื่องการตลาดให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้นแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังต้องดูแลเรื่องค่าครองชีพด้วย โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ที่มีโครงการร้านธงฟ้าประชารัฐ ขายสินค้าราคาถูกให้กับผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน

ขณะนี้มี 28,705 ร้านทั่วประเทศ ยอดขายกว่า 30,000 ล้านบาท และจะขยายเป็น 100,000 ร้านค้าภายใน 3 ปี

นอกจากร้านค้าทั่วไปที่ร่วมโครงการร้านธงฟ้าประชารัฐแล้ว ยังเปิดให้กองทุนหมู่บ้านต่างๆ เข้าร่วมด้วย ขณะนี้มีประมาณ 2,000 ร้านที่เข้าเกณฑ์ ตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 10,000 ร้าน

ร้านธงฟ้าประชารัฐไม่เพียงแต่จะจำหน่ายสินค้าราคาถูกแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังคัดเลือกสินค้าที่มีคุณภาพของชุมชนต่างๆ เข้าไปวางขายด้วย

อย่างกะปิระนอง ที่ผ่านมาไม่มีช่องทางการขาย แต่เมื่อให้ร้านค้า 500 แห่งรับไปวางขาย ปรากฏว่าแค่วันแรกมีออเดอร์มากถึง 7 แสนบาท

ขณะเดียวกันเตรียมรับสมัครรถกระบะที่ชาวบ้านไม่ได้ใช้งานมากนัก ให้มาร่วมโครงการรับขนส่งสินค้า ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง ขณะที่เจ้าของรถกระบะก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชนทั่วไป ผ่านกิจกรรมธงฟ้าราคาประหยัด ที่ราคาสินค้าจะถูกกว่าท้องตลาด 20-40% จัดรวม 1,800 ครั้งทั่วประเทศ ช่วยลดค่าครองชีพประชาชนได้ 1.3 ล้านคน คิดเป็นเงินกว่า 113 ล้านบาท

กระทรวงพาณิชย์ยังมีโครงการสร้างธุรกิจและสร้างงานให้แก่ผู้มีรายได้น้อย อาทิ การจับคู่แฟรนไชส์กับผู้มีรายได้น้อย ตั้งเป้าสร้างอาชีพได้ 20,000 รายภายในปีนี้ ขณะเดียวกันก็ช่วยยกระดับ “ไมโคร เอสเอ็มอี” จังหวัดละ 100 ราย

นี่เป็นแค่งานบางส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ที่จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโต เข้มแข็งและยั่งยืน

สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image