ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
“สงกรานต์” เป็นความสนุกสนาน การเล่นน้ำในอากาศร้อน เมื่อเดินทางออกมาในที่สาธารณะต่างคนต่างเปิดใจให้กันและกัน ลดการถือสาหาความลง
ในการอยู่ร่วมกันเป็นปกติ ต่างคนต่างมีกลุ่ม มีระดับ มีชนชั้นของตัวเอง
“สงกรานต์” ทลายกรอบนั้นลง
ไม่ว่าใครก็ตามที่อยากอยู่ในกรอบ ในระดับ ในชนชั้นของตัวเอง ต่างรู้ว่าจะต้องเก็บตัวอยู่ในพื้นที่ เพราะหากเดินออกมาในที่สาธารณะ ต้องยอมรับการไม่มีกรอบ ไม่มีระดับ ไม่มีชนชั้นนั้น
เมื่อเราพูดถึง “ความเหลื่อมล้ำ” ว่าเป็นปัญหาทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม ก่อให้เกิดความแตกแยกตามมา เป็นต้นเหตุความไม่สมัครสมานสามัคคีของคนไทยด้วยกันที่ผ่านมา
“สงกรานต์” ในหลายปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องมือสลายความเหลื่อมล้ำนั้น
ใครอยากอยู่อย่างมีระดับ อย่างมีชนชั้นของตัวเอง มีแต่ต้องหลีกเลี่ยงที่สาธารณะ
หลายวันของช่วงเทศกาลสงกรานต์มาทำหน้าที่สลายชนชั้นอย่างตรงไปตรงมา สะท้อนภาพรวมของสังคมไทยออกมาว่าเป็นอย่างไรกันแน่ในความเป็นจริง
ไม่เพียงสลายความต่างระดับของคนไทยด้วยกัน ยังสลายเลยไปถึงนักท่องเที่ยว ต่างชาติ ต่างภาษา ในห้วงเวลาของเทศกาลทุกคนมีสิทธิในความสนุกสนาน และสร้างสัมพันธ์ต่อกันอย่างเท่าเทียม
เป็นความสนุกสนานรื่นเริงของคนรุ่นใหม่ที่ได้แสดงออกถึงความเท่าเทียม
การแสดงออกที่เลยเถิดว่าไปแล้วหากมองอย่างเข้าใจ บางทีเกิดจากความเก็บกดเพราะชีวิตถูกกดข่มไว้ในช่วงเวลาปกติ เมื่อมีโอกาสแสดงออกบางคนจึงคล้ายเกินเลย
แต่ถึงอย่างไร สงกรานต์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือการแสดงความเท่าเทียม
คนรุ่นใหม่เลือดระอุกับความสนุกสนาน รื่นเริงเสมอ ยิ่งเป็นความสนุกสนานที่เปิดโลกกว้าง สามารถเรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับเพื่อนร่วมสังคมที่ต่างออกไป ความแปลกใหม่ของชีวิตชวนให้ตื่นเต้น
ดังนั้นไม่ว่า “สงกรานต์” จะเป็นอย่างไร คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่เคยปฏิเสธ
เพียงแต่สายตาของคนรุ่นเก่าไม่เป็นเช่นนั้น ความเป็นห่วงเป็นใยในลูกหลานที่ต้องไปข้องแวะกับคนต่างระดับ ต่างชนชั้น เป็นความวิตกกังวล
ในสังคมที่ผู้ปกครองไม่สามารถควบคุมความประพฤติของลูกหลานได้อีกแล้ว เพราะปัจจัยอื่นมีอิทธิพลต่อการชักนำความคิดของคนรุ่นใหม่มากกว่าคำสั่งสอนของคนเฒ่า คนแก่
ความพยายามที่จะดำรงความต่างระดับ ความต่างชนชั้นไว้จึงล้มเหลว
ความคิดที่จะควบคุมรูปแบบการเล่นสงกรานต์เกิดขึ้นในผู้หลักผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งมานานแล้ว
เพียงแต่ที่สุดแล้วทำอะไรไม่ได้กับการลุกขึ้นมากำหนดสังคมเองของคนรุ่นใหม่
การเอาจริงเอาจังที่ทำลายการเรียนรู้การอยู่ร่วมกับเพื่อนที่แตกต่าง ไม่เคยพบเคยเห็นในสังคมเดียวกัน ซึ่งเป็นธรรมชาติของคนรุ่นใหม่เป็นเรื่องที่พูดได้ สั่งได้แต่ทำไม่ได้
อำนาจการจัดการสงกรานต์ให้เป็นประเพณีไทยโบราณที่ยังคงรักษาความแตกต่างของคนชั้นไว้ล้มเหลวเสมอมา
เพียงแต่ปีนี้ความเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้คล้ายกับว่าจะเข้มข้นกว่าเดิม
มีคำสั่งมากมาย มีข้อห้ามเพิ่มเติมเยอะแยะ
เพื่อให้ “การเล่นสงกรานต์เป็นไปตามความต้องการของผู้เฒ่า ผู้แก่”
ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ วันเวลาแห่งการพิสูจน์ว่า “คนรุ่นเก่าจะกำหนดโลกของคนรุ่นใหม่” ได้ด้วยคำสั่งและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจังสำเร็จหรือไม่
การพิสูจน์นัั้นกำลังจะเกิดขึ้น
อีกไม่กี่วันคงได้รู้ถึงคำตอบ