กล่าวกันว่าหนุมานปัญจมุขที่ปั้นด้วยดิน ที่มีคนกราบไหว้บูชากันมากอยู่ที่ kanpur เป็นรูปหนุมานแบบมนุษย์อยู่ในท่ายืน ทางขวามือมีหัวสัตว์เรียงต่อออกมา 2 หัว ทางซ้ายมือมีหัวสัตว์เรียงต่อ อกมาอีก 2 หัว หัวหนุมานอยู่ตรงกลาง อีกรูปหนึ่งอยู่ที่ปัญจาบ มี 5 หน้า 10 มือ แต่ละหน้าว่ามีฤทธิ์เดชต่างกันและว่าหน้าหนุมานมีฤทธิ์อำนาจมากกว่าหน้าอื่นๆ หน้าที่เพิ่มขึ้นอีก 4 หน้านั้นประกอบด้วย
หน้าสิงห์หรือนรสิงห์ กล่าวว่าบูชาแล้วขจัดความกลัวให้หมดไป
หน้าครุฑซึ่งเป็นพาหนะของพระวิษณุช่วยขจัดอันตรายจากงู
หน้าวราหะ (หมู) ช่วยรักษาโรคต่างๆ
หน้าหัยครีพ (ม้า) ช่วยขจัดพวกภูตผีปีศาจ
กล่าวกันว่า รูปหนุมานปัญจมุขได้รับการบูชาอย่างแพร่หลายในพาราณสี (บานารัส) ราชสถาน, มหาราษฎร์และทางอินเดียใต้ ส่วนรูปหนุมานปัญจมุขที่มีหัวช้างจะหมายถึงพระคเณศหรืออย่างไรไม่พบคำอธิบาย บางทีจะเป็นคตินิยมของต่างถิ่นกล่าวไว้พอเป็นที่สังเกตเท่านั้น
รูปปั้นหนุมานที่มีชื่อเสียงนอกจากหนุมานปัญจมุขแล้ว มีรูปปั้นที่เมืองลัคเนา (Lachnaw) อีกแห่งหนึ่งเป็นรูปหนุมานยืนมี 10 มือ รูปร่างอ้วนแบบคนอินเดีย นุ่งกางเกงขาสั้นเหนือเข่า มีผ้าห้อยหน้าไม่สวมเสื้อ (รูปหนุมานที่สวมเสื้อก็มีแต่น้อยมาก) และโดยเหตุที่มีมือมากถึง 10 มือ จึงจำเป็นต้องหาสิ่งต่างๆ
ให้ถือ เช่น ธงชัย, ตรี, ขรรค์, ของ้าว, บ่อง และผลไม้
รูปหนุมานของอินเดีย จะมีเครื่องประดับศีรษะหรือมีมงกุฎ (ในชวาหรือในอินโดนีเซียก็อย่างเดียวกัน) แต่รูปร่างของมงกุฎอาจจะมีรูปแบบต่างกันไปตามฝีมือช่าง ต่างจากหนุมานของไทยที่สวมมงกุฎเฉพาะตอนที่ได้รับสถาปนาให้นั่งเมือง การนุ่งผ้าของหนุมานก็ไม่เป็นแบบอย่างแน่นอน ที่เห็นส่วนมากจะนุ่งกางเกงขาสั้น ที่นุ่งผ้าโจงกระเบนก็มีบ้างบางรูป ที่แปลกตาก็คือนุ่งผ้าแบบกระโปรงสั้นมีลายบ้างไม่มีลายบ้าง มีอยู่รูปหนึ่งเป็นรูปเขียนลายเส้นของแคว้นโอริสสา สวมเสื้อแขนยาวมีลายเป็นเกล็ด นุ่งกระโปรงยาวครึ่งแข้ง มือถือแส้เข้าใจว่าจะกำลังทำหน้าที่ปรนนิบัติพระรามกับนางสีดาอยู่
ตามรามเกียรติ์ไทยว่าร่างกายของหนุมานประกอบด้วยเทพอาวุธ 3 อย่างคือ
คทาเพชร เป็นสันหลังตลอดหาง ทำให้เหาะได้
ตรีเพชร ให้เป็นร่างกาย มือและเท้า
จักรแก้ว ให้เป็นศีรษะ
ตรีเพชรนั้นพิเศษกว่าอย่างอื่นคือเมื่อมีการต่อสู้ก็ให้ชักตรีเพชรออกมาใช้เป็นอาวุธได้ ฉะนั้นรูปหนุมานของไทยจึงถือตรีเป็นอาวุธ ซึ่งผิดกับของอินเดียที่ใช้คทา (mace)