ความเชื่อมั่นที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ที่ 1 ในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นภายในเดือนกุมภาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นภายในเดือนพฤษภาคม 2562
เป็นความเชื่อมั่นอันก่อให้เกิด 2 ความรู้สึก
1 ความรู้สึกที่ดีใจ ขณะเดียวกัน 1 ความรู้สึกที่สยดสยอง พองขน
ถามว่าทำไมยังมีความรู้สึกดีใจทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยถูกทำให้ “ด้อยค่า” ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 กระทั่งก่อนและภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
คำตอบมาจาก “ความเป็นจริง”
ความเป็นจริงที่การเลือกตั้งในเดือนธันวาคม 2550 ชัยชนะยังเป็นของพรรคพลังประชาชนอันเป็นอวตารแห่งพรรคไทยรักไทย
ความเป็นจริงที่การเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2554 ชัยชนะยังเป็นของพรรคเพื่อไทย
ผลการเลือกตั้งเท่ากับเป็นการยืนยันว่าประชาชน “ส่วนข้างมาก” ยังให้ความเชื่อมั่นต่อพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชาชนอันมีรากฐานมาจากพรรคไทยรักไทย
ผลที่พรรคไทยรักไทยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544 และในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548
พรรคพลังประชาชนชนะเมื่อเดือนธันวาคม 2550
พรรคเพื่อไทยชนะเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ต่อเนื่องกันมาเช่นนี้นี่เองที่ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าหากมีการเลือกตั้งครั้งต่อไปชัยชนะก็ยังเป็นของพรรคเพื่อไทย
อันก่อให้เกิดความรู้สึกสยดสยอง พองขน
อย่างน้อยคนที่เคยเข้าร่วมเคลื่อนไหวก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ก็ย่อมหงุดหงิด เช่นเดียวกับคนที่เคยเป็น “มวลมหาประชาชน” ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ก็ย่อมหงุดหงิด
นี่คือ ความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ในสังคมไทย
ความเป็นจริงนี้เท่ากับยืนยันว่าการพยายามทำลายจากพรรคไทยรักไทย ไปยังพรรคพลังประชาชน กระทั่งพรรคเพื่อไทย เป็นความล้มเหลว
“ชาวบ้าน” ส่วนข้างมากไม่เอาด้วย
ในห้วงนับแต่ปี 2549 เป็นต้นมา กลุ่มที่ปฏิเสธความนิยมในทางการเมืองของพรรคไทยรักไทยพยายามใช้กระบวนการรัฐประหารมาแก้ปัญหา
แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
เพราะเมื่อมีการยุบพรรคไทยรักไทยก็เกิดพรรคพลังประชาชน เพราะเมื่อมีการยุบพรรคพลังประชาชนก็เกิดพรรคเพื่อไทย
จึงได้ใช้กระบวนการรัฐประหารมาแก้ปัญหาอีกในปี 2557
จากเดือนพฤษภาคม 2557 มายังเดือนพฤษภาคม 2561 เป็นเวลา 4 ปีแล้ว คสช.ก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้
จะหาทางยุบก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ
จะหาทาง “ดูด” เพื่อทำให้พรรคเพื่อไทยเกิดความอ่อนแอ ก็ยังไม่แน่ใจอีกเหมือนกันว่าจะเอาชนะพรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้งได้หรือไม่
นี่คือสภาพสยดสยอง พองขนในทางการเมือง
เป็นความสยดสยอง พองขน ในขณะที่สังคมยังมีความเชื่อมั่นว่าเลือกตั้งอย่างไรก็ต้องแพ้ให้กับพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน
ไม่ว่า “ประชาธิปัตย์” ไม่ว่า “พลังประชารัฐ” ก็แพ้
ยิ่งใกล้จะถึงเวลาเลือกตั้งตามที่กำหนดเอาไว้ใน “โรดแมป” ยิ่งก่ออาการสยดสยอง พองขนมากยิ่งขึ้นว่ายากเป็นอย่างยิ่งที่จะเอาชนะได้
เพราะความเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะยังเป็นด้านหลักอยู่