เดินหน้าชน : ‘ต่าง’ในความเหมือน โดย : สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา

กระทรวงพาณิชย์ออกมาเปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน 2561 มีมูลค่า 21,780 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 8.2% เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16

ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 20,201 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 10.83%

ได้ดุลการค้า 1,578.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทำให้ไตรมาสที่ 2/2561 ส่งออกขยายตัว 10.6% และการส่งออก 6 เดือนแรกปี 2561 ขยายตัว 11%

Advertisement

นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 7 ปี และมีมูลค่า 125,812 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนการนำเข้า ไตรมาส 2/2561 ขยายตัว 14.39%

6 เดือนแรกปีนี้ขยายตัว 15.61% มีมูลค่า 122,356 ล้านเหรียญสหรัฐ

Advertisement

ไทยจึงได้ดุลการค้าครึ่งปีแรก 3,456 ล้านเหรียญสหรัฐ

การส่งออกเดือนมิถุนายนขยายตัวได้สูง เนื่องจากตลาดส่งออกสำคัญขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะสหรัฐส่งออกได้ถึง 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์

เนื่องจากไทยได้อานิสงส์จากสหรัฐขึ้นภาษีสินค้านำเข้า 168 รายการ ในอัตรา 25% มีผลบังคับใช้เดือนกรกฎาคม ทำให้ผู้นำเข้าสหรัฐหาแหล่งนำเข้าใหม่ล่วงหน้าทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและเกษตร

เห็นตัวเลขแบบนี้ รัฐบาลควรชิงจังหวะ เดินหน้าแก้ปัญหาให้กับบรรดาผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อย หรือเอสเอ็มอี

เพราะที่ผ่านมากลุ่มคนเหล่านี้ ยังคงประสบปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อ เพื่อเดินหน้าธุรกิจ

รัฐบาลควรใช้จังหวะนี้ คลอดมาตรการส่งเสริมระยะยาว เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มเอสเอ็มอีอย่างจริงจัง

สิ่งสำคัญหน่วยงานด้านเอสเอ็มอีที่มีอยู่หลายหน่วย ควรจะทำงานให้มีเอกภาพ ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน

อย่าให้มีสภาพสะเปะสะปะเหมือนที่ผ่านมา หน่วยนี้ทำอย่าง อีกหน่วยทำอย่าง เหมือนเกาไม่ถูกที่คัน

ทั้งธนาคารเอสเอ็มอี กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานต่างๆ ควรจะประสานงาน รับฟังข้อมูลจากเอสเอ็มอีให้ถ่องแท้ ชัดเจน

หลังจากนั้นก็ระดมสมองหาวิธีการช่วยเอสเอ็มอีให้ได้ตรงจุด

ซึ่งก็หนีไม่พ้นปัญหาหลักๆ นั่นก็คือด้านแหล่งเงินทุน การเข้าถึงเงินทุนที่ถูกมองว่า โอกาสไม่เท่าเทียมกับผู้ประกอบการรายใหญ่

ยิ่งการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน รายใหญ่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามากลืนกินรายย่อยอยู่ทุกขณะจิต

อาศัยความได้เปรียบในการเข้าถึงทรัพยากร อยู่ใกล้ชิดระดับนโยบาย

ทำให้บรรดาเอสเอ็มอี ค่อยๆ ล้มหายตายจากกันไปเรื่อยๆ

หากรัฐบาลบิ๊กตู่อาศัยจังหวะนี้ เดินหน้าช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้ได้ชัดเจน เข็นนโยบายเด็ดๆ เช่นเกี่ยวกับการลดภาระ ลดภาษี ออกมาในช่วงนี้

ไม่ใช่ทำแบบขอไปทีเหมือนที่ผ่านมา

เชื่อได้ว่าจะทำให้ประชาชนยังคงพอมีความหวัง ก่อนที่เราจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

อย่างน้อยจะเป็นสิ่งยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่า ยังพอหวังพึ่งอะไรได้บ้าง

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ กลุ่มคนที่รัฐบาลนี้มอบหมายให้เข้ามาเป็นแกนหลักในการระดมสรรพกำลัง ใช้พลังดูดอดีต ส.ส.อย่างหนัก เพื่อสานฝันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นรัฐบาลต่อไปอีก อยู่ในขณะนี้

เป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้แตกต่างจากนักการเมืองที่รัฐบาลชุดนี้เคยด่าเอาไว้

เพราะถ้าย้อนไปดูโครงการขนาดใหญ่ที่เคยส่งกลิ่นตุตุในอดีต อย่างโครงการถมทรายสนามบินหนองงูเห่า

ก็จะเห็นมีแกนนำที่กำลังจะเข้ามาสานฝันต่อให้รัฐบาลชุดนี้ เดินสายจีบคนนั้น ดึงคนนี้มาร่วม มีส่วนพัวพัน เช่นเดียวกับอีกหลายๆ โครงการในอดีตที่ส่งกลิ่นอีกเพียบ

อย่างน้อยจะช่วยทำให้เห็นว่า ในความเหมือน ก็ยังคงมีความแตกต่าง

ทำให้ประชาชนเห็นว่า ทำเพื่อประชาชนจริงๆ ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเอง แต่เอาประชาชนมาเป็นข้ออ้าง

สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image