ผู้เขียน | ชโลทร |
---|
⦁…ตื่นเต้นกันมาสองสามวัน เรื่อง “น้ำล้นเขื่อนแก่งกระจาน” จะท่วมเมืองเพชร โลกยุคสังคมออนไลน์ให้ “จินตนาการฟุ้ง” กลายเป็นประเด็น “แชร์กระจาย” ขยายไปถึง “เขื่อนจะแตก” แรงขนาดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมทำ “ห้องเย็น” ใส่ปลาที่จะทะลักมา “สู่เมืองสู่ทุ่ง” เสนอวิสัยทัศน์เปลี่ยนอาชีพ “เกษตรกร” และ “รับจ้างทั่วไป” มาเป็น “ประมงน้ำท่วม” เอาจริงเอาจังขนาดเปลี่ยนกำหนดการสัญจร มาลงที่ “เพชรบุรี” เป็นอันดับต่อไป น่าดีใจที่ถึงวันนี้ “หน่วยงานที่รับผิดชอบ” บอกว่ารับมือได้สบาย “ไม่มีอะไรต้องตื่นตูมกันขนาดนั้น”
⦁…ออกมาแล้ว “รวมเล่มผลงานรัฐบาลบิ๊กตู่ ปีที่ 3” หนาเกือบ 500 หน้า ใครที่ชอบพูดว่า “รัฐบาลไม่มีผลงาน” ต้องไปหามาอ่าน ส่วนอ่านแล้วจะ “เปลี่ยนความคิด” กลับมา “ชื่นชมรัฐบาล” หรือ “ยิ่งส่ายหน้ากันใหญ่” ด้วยเห็นว่า “เรื่องที่บอกว่าไม่ตรงกับที่เป็นจริง” มีแต่ต้องไปอ่านกันก่อน แล้วจะรู้ว่า “ทั้งพูดกรอกหูออกสื่ออยู่ทุกวัน” ทั้ง “พิมพ์เป็นเล่มมาให้อ่าน” จะเปลี่ยนทรรศนะประชาชน ที่สัมผัสความเป็นจริงของชีวิตอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันได้หรือไม่
⦁…การลงทุนต่อเชื่อม “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา” โดยมี “มักกะสัน” เป็นศูนย์กลาง เมื่อเป็น “ผลประโยชน์มหาศาล” ที่ “นักลงทุนทั้งหลายต่างหมายปอง” ยิ่ง “รัฐบาลมีนโยบายให้สิทธิประโยชน์แบบท่วมหูท่วมหัว” พวกที่เคยชินกับ “ความร่ำรวยจากสัมปทานรัฐ” เห็นแล้วย่อมน้ำลายไหลพรั่งพรู จึงเป็นไปไม่ได้ที่ “ใครจะมาชุบมือเปิบอย่างง่ายดาย” ส่วนใครจะเป็นปากเป็นเสียงให้ใครนั้น คงเห็นกันไม่ยากนับจากนี้ ความน่าสนใจอยู่ที่ “ที่เป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนจริงๆ” นั้นมีหรือไม่ หรือแค่ “เตะหมูเข้าปากหมา” โดยมี “ประชาชน” เป็นแค่ “อ้างมาบังหน้า”
⦁…หลายเดือนที่ผ่านมา ระกำใจของ “คน กทม.” เรื่องหนึ่งคือ “การเดินทางที่โคตรทรมาน” จาก “สภาวะรถติดวินาศสันตโร” แทบจะเรียกได้ว่า “ถนนทุกสายเป็นอัมพาต” หากเป็นเมื่อก่อน ทั้ง “รัฐบาล” และ “ผู้บริหาร กทม.” คงต้องออกมาเต้นให้เห็นทุกวัน ว่าจะแก้ไขกันอย่างไร เรื่องราวของ “ความสูญเสีย” ทั้ง “พลังงานที่สูญเปล่า” ด้วย “น้ำมันที่หมดไปโดยไม่ได้ระยะทาง” คงคำนวณกันออกมาให้เห็นว่า “แต่ละเดือนซื้อเครื่องบินรบได้กี่ลำ” หรือ “ช่วยเกษตรกรที่พืชผลราคาตกต่ำให้พอประทังชีวิตได้กี่ครอบครัว” ทั้ง “พลังชีวิตของคนทำงาน” ที่กว่าจะถึงออฟฟิศก็โรยแรง
⦁…หน่วยงานทั้งราชการและเอกชนต้องเสีย “ผลิตผล” ไปเท่าไร ก่อนหน้านั้นถือว่าเรื่องแบบนี้ “ร้ายแรง” จำเป็นต้องเยียวยา แต่สำหรับวันนี้ กลายเป็น “ความเคยชินที่ไม่มีใครมองเห็นว่าเป็นปัญหา” ต่างคนต่างต้องนึกให้เป็นความเคยชินเอาเอง เพราะ “ไปเรียกร้องอะไรจากใคร” ในยุค “ผู้นำเน้นให้ทุกคนพึ่งตัวเอง” ไม่ได้ และคล้ายกับว่า “ความอดทนเรื่องรถติดมันกระจอกเกินไป” ลองว่าต้อง “ทนกับเรื่องที่นึกไม่ออกว่าทนกันมาได้อย่างไร” เรื่อง “เสียเวลา เสียพลังงาน เสียอารมณ์” โดยเปล่าประโยชน์ก็เป็น “เรื่องเล็ก” ที่ไม่เห็นความจำเป็นต้องใส่ใจ
⦁…เมื่อ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ” มองประเด็น “สื่อต่างชาติต่อต้านผู้นำที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ให้เป็นประธานอาเซียน” ว่าเพราะ “รับจ้างมาเขียน” ทรรศนะแบบนี้ของ ดอน ปรมัตถ์วินัย เสี่ยงต่อการถูก “สื่อทั้งโลก” หันกลับมามองในมุมที่ว่า เกิดความเคยชินอะไรขึ้นกับ “วิสัยทัศน์กระทรวงการต่างประเทศของไทย” ถึงได้กล่าวหาผู้ทำอาชีพสื่อ ด้วยความคิดง่ายๆ ได้ฉับพลันทันทีขนาดนั้น
⦁…เมื่อ “รวมพลังประชาชาติไทย” ที่ร่างเดิมคือ “กปปส.” ที่มี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็น “จิตวิญญาณ” เสนอชื่อ “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค และ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ถึงกับยกย่องเปรียบ “พญาครุฑ” ลงมาคลุกการเมือง ย่อมน่าสนใจยิ่ง และความน่าสนใจนั้นอยู่ที่ “หม่อมเต่า” จะวางความคิดไว้อย่างไรกับ “กระแสสืบทอดอำนาจ” ที่ยิ่งนานวัน คำถามจะเกิดมากขึ้น
ชโลทร