‘ไต้หวัน’ เบี้ย (หมากรุก) สหรัฐ : โดย ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

ท่ามกลางบรรยากาศสงครามการค้ากำลังระอุ อีกด้านหนึ่งของสหรัฐก็ได้ใช้ “บริการไต้หวัน” โดยถือเสมือน “เบี้ยหมากรุก” ตัวหนึ่ง

เพื่อวัตถุประสงค์จะทำให้อธิปไตยของจีนต้องสั่นคลอน ทั้งนี้ ด้วยการส่งสัญญาณลับให้นางฉ้าย อิงเหวิน ผู้นำสูงสุดไต้หวัน สร้างความแตกแยกขึ้นระหว่างจีนกับไต้หวัน

เป็นความพยามของสหรัฐโดยแท้

14 สิงหาคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในกฎหมายเรียกว่า “Defense Authorization Act” ครอบคลุมด้วยมาตรการที่ปฏิบัติต่อไต้หวันหลายประการด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยการยกระดับความร่วมมือในการป้องการประเทศระหว่างสหรัฐและไต้หวัน ช่วยเหลือไต้หวันยกระดับมาตรฐานการป้องกันทางด้านกลาโหม เป็นต้น

Advertisement

เป็นพฤติการณ์ “เย้ยฟ้าท้าดิน”

พลันที่สงครามการค้ายกระดับ ความตึงเครียดจีนและไต้หวันก็ยกระดับเช่นกัน

เจตนาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ชัดเจน ชัดเจนในประเด็นใช้ไต้หวันเป็น “เบี้ยหมากรุก” เพื่อกดดันให้จีนยอมผ่อนปรนอ่อนข้อ กลายเป็นการขยายขอบเขตของสงครามการค้าโดยปริยาย

Advertisement

ทำให้เหตุการณ์บานปลาย บานปลายจนกระทบความมั่นคงของประเทศจีน บานปลายจนขยายพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐและจีนอีกด้วย

สหรัฐทราบดีว่า “ปัญหาไต้หวัน” เป็นเรื่องที่เกี่ยวแก่ผลประโยชน์หลักของจีน

เป็นเรื่องที่กระทบต่อ “บอททอมไลน์” ของจีนอย่างเน็ตๆ
แต่ก็ยังทำ โดยไม่สนใจว่าผิดกฎหมายหรือไม่ประการใด
หลังจากรัฐบาลไต้หวันผ่าน “กฎหมายการท่องเที่ยว”

14 สิงหาคม ถือเป็นครั้งแรกที่ “ฉ้าย อิงเหวิน” ไปเยือนทวีปอเมริกาใต้คือ ประเทศปารากวัย
สหรัฐยังช่วยเปิดทางให้ แม้เป็นทางผ่าน แต่เป็น “Easy Pass”
มีข่าวว่า การ “transit” สหรัฐของ “ฉ้าย อิงเหวิน” ครั้งนี้ มี “โปรโมชั่น” 3 รายการ

1.เยี่ยมเยียนข้าราชการ “ประเทศสาธารณรัฐจีน” ณ สหรัฐอเมริกา ในฐานันดรศักดิ์ “ประธานาธิบดีประเทศสาธารณรัฐจีน” ซึ่งแต่งตั้งขึ้นเองตามอำเภอใจ

2.เยือนหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐ (US federal agency)

3.อนุญาต “ฉ้าย” ให้สัมภาษณ์ตามอัธยาศัยระหว่าง “transit” ไม่ควบคุมเหมือนอดีต

กรณีถือเป็นการประกาศความเป็น “เอกราช” ของไต้หวัน มิชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ ขัดต่อ “มติ92” (consensus1992)
กล่าวโดยสรุปคือ “สวนทางกับนโยบายจีนเดียว”
เป็นความระทึก ระทึกในดวงหทัย

เย้ยทั้งฟ้าท้าทั้งดิน สิ้นยำเกรง จนลืมตัวหลงลำพอง

สหรัฐ ในฐานะ 1 ในคณะมนตรีความมั่นคงของ “ยูเอ็น” “ทรัมป์” เป็นตัวการใน “อีเวนต์” นี้
เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
การที่ “ฉ้าย อิงเหวิน” อุปโลกน์ตนเองเป็นประมุขของประเทศสาธารณรัฐจีนนั้น

เป็นเรื่องเหลวไหล ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะหลังปี 1971 แล้ว ในโลกนี้ไม่มี “ประเทศสาธารณรัฐจีน” แล้ว มี “จีนเดียว” เท่านั้น คือ “ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน” ความจริงคือประเทศสาธารณรัฐจีน (Republic of China) ชื่อจีน “中華民國” เป็นชื่อทางการของไต้หวันที่ใช้เรียกขานใน “องค์การสหประชาชาติ” ก่อนที่จีนแผ่นดินใหญ่เข้าแทนที่เมื่อปี 1971

ส่วนประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน (The people’s Republic of China) ชื่อจีน “中華人民共和國” เป็นชื่อทางการของจีนแผ่นดินใหญ่ที่เรียกขานใน “สหประชาชาติ”

ฉะนั้น “ฉ้าย อิงเหวิน” จะแต่งตั้งตนเองเป็น “ประมุข” มิได้เป็นอันขาด
วิเคราะห์ผ่านการสังเคราะห์แล้วเห็นว่า การเยือนประเทศปารากวัยของ “ฉ้าย อิงเหวิน” เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เป้าหมายแท้จริงคือ พบปะผู้บริหารระดับสูงของสหรัฐ

เพื่อรับออเดอร์ “เฉพาะกิจ” และ “ลับเฉพาะ”

อาจเป็นการร่วมวางแผน “ต่อต้านแผ่นดินใหญ่”
ฉะนั้น “อีเวนต์” นี้ จึงถือว่า “ฉ้าย อิงเหวิน” เป็นตัวการร่วม
ถ้าเป็นจริง จะต้องกระทบถึงระบบการปกครองของแผ่นดินใหญ่อย่างแน่นอน

กฎหมาย “Defense Authorization Act” ของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้ลงนามระหว่างการเดินทางเยือนทวีปอเมริกาใต้นั้น จะมองเป็นอื่นมิได้ นอกจากเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อมอบเป็น “ของกำนัล” แก่ “visiting quest” ในระหว่าง “transit” เฉพาะกิจ เหตุผลคือ

รายละเอียดของกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับไต้หวัน ค่อนข้างละเอียดและกระชับ เด่นชัดในประเด็นเพิ่มกำลังพลให้ไต้หวัน กำชับให้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐควรต้อง

keep in touch ปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลไต้หวัน

และต้องทำการประเมินกำลังกองหนุนทหารไต้หวันอย่างครอบคลุมด้วย

หลังจากการประกาศใช้กฎหมายฉบับดังกล่าว ภายในระยะเวลา 1 ปี รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและต่างประเทศต้องทำแผนเสนอ เพื่อขยายขอบเขตการแลกเปลี่ยนธุรกรรมทางทหาร และร่วมซ้อมรบ ตลอดจนการขายอาวุธให้แก่ไต้หวัน เป็นต้น

กฎหมายฉบับดังกล่าวของ “ทรัมป์” เนื้อหาสาระส่วนใหญ่ นอกจากสวนทางกับกฎหมายหลายฉบับแล้ว ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือขัดต่อแถลงการณ์ร่วมในการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-สหรัฐ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 1979 โดยมีสาระสำคัญว่า

“ทั้งสองประเทศต้องยึดถือนโยบายจีนเดียว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่แบ่งแยกมิได้ ให้ยุติบรรดาธุรกรรมทางการทหารระหว่างสหรัฐและไต้หวันโดยพลัน ทั้งสองประเทศต้องเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกัน”

ดังนั้น การขายอาวุธให้แก่ไต้หวันกระทำมิได้ เพราะเป็นการทำนิติกรรมระหว่างรัฐต่อรัฐ มิชอบด้วยกฎหมาย เพราะไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ไม่มีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน การจะขายอาวุธให้แก่ไต้หวันตามที่ระบุในกฎหมายฉบับดังกล่าว ถือเป็นการกระทำละเมิด

มาตรการของสหรัฐเป็นเหตุให้ไต้หวันกำเริบเสิบสาน เสมือนการฉีดยา “บำรุงหัวใจ” ให้แก่ “ฉ้าย อิงเหวิน” เพื่อให้มีกำลังในการต่อต้านแผ่นดินใหญ่

โฆษกรัฐบาลจีนแถลงเมื่อ 14 สิงหาคม ว่า ได้ทำการประท้วงรัฐบาลสหรัฐ ไม่ควรใช้มาตรการต่อจีนในมุมลบ ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ

“โดนัลด์ ทรัมป์” ได้ลงนามใน “กฎหมายท่องเที่ยวไต้หวัน” เมื่อเดือนมีนาคม

และวันนี้ เขาได้ลงนามในกฎหมาย “Defense Authorization Act”
พอจะอนุมานได้ว่า สหรัฐกำลังเตรียมการขยายขอบเขตการทำ “สงครามการค้า”

และเป็นการเตรียมการทำ “สงครามเย็น” รอบใหม่ที่อาจเกิดขึ้นอีกด้วย

เป็นความระทึกในดวงหทัยพลัน

ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image