เมาแล้วขับต้องถูกคุมประพฤติ ทำงานในห้องดับจิตของโรงพยาบาล โดยโกวิท วงศ์สุรวัฒน์

ปัญหาเมาแล้วขับรถยนต์และขับขี่จักรยานยนต์นี้ดูเป็นปัญหาคับอกของชาวไทยมานานนักหนา ในสมัยเมื่อร่วม 30 ปีที่แล้วมา ที่งานเลี้ยงย่านฝั่งธนบุรี ผู้เขียนยังจำฝังใจอยู่คือเพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่งเมาจนเดินโซซัดโซเซแล้วจะกลับบ้านด้วยการขับรถจี๊ปกลับบ้านแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้เขียนได้เดินตามไปห้ามไว้โดยจะเรียกรถแท็กซี่ไปส่งโดยผู้เขียนจะนั่งไปด้วย (ผู้เขียนขับรถไม่เป็นและไม่มีรถยนต์ของตัวเอง) แต่ก็โดนดุและอ้างว่าพี่ไม่เมาแถมจะเตะผู้เขียนเข้าให้อีกในฐานะที่เป็นเสือใส่เกือก แล้วพี่เขาก็ขับรถกลับบ้านได้จริงๆ ครั้นตอนเช้าอีกวันหนึ่งพี่เขาก็บอกกับผู้เขียนว่า

“ไม่รู้ว่าเมื่อคืนกลับถึงบ้านอย่างไร? จำอะไรไม่ได้เลย” ครับ ! รวมทั้งเรื่องที่ขู่ว่าจะเตะผู้เขียนด้วย

หากจะดูปัญหาของการเมาแล้วขับอย่างเป็นรูปธรรมก็คงต้องดูจากสถิติคนเจ็บและคนตายจากการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ใน 5 ปีที่ผ่านมา ก็จะเห็นภาพ เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2554 มีคนตาย 271 คน บาดเจ็บ 3,476 คน ใน พ.ศ.2555 มีคนตายเพิ่มขึ้นเป็น 320 คน บาดเจ็บ 3,320 คน ใน พ.ศ.2556 มีคนตาย 321 คน บาดเจ็บ 3,040 คน ใน พ.ศ.2557 มีคนตาย 322 คน บาดเจ็บ 3,225 คน ส่วนใน พ.ศ.2558 มีคนตาย 364 คน บาดเจ็บ 3,559 คน แบบว่าคนตายเพิ่มมากขึ้นทุกปี ส่วนสถิติของคนตายและบาดเจ็บสดๆ ร้อนๆ ในการเดินทางในเทศกาลสงกรานต์ ปีนี้ (2559) มีคนตายและบาดเจ็บลดลงเล็กน้อย คือมีคนตาย 338 คน บาดเจ็บ 2,891 คน เนื่องจากทางราชการมีการยึดรถที่ตรวจพบว่าคนขับนั้นเมาสุรา มีจำนวนถึง 4,609 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ 3,488 คัน เป็นรถยนต์ 1,121 คัน เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ทำให้คนตายและบาดเจ็บลดลงไปจากปี พ.ศ.2558 ได้พอสมควรเลยทีเดียว

ส่วนอีกสถิติที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปกับสถิติคนเจ็บคนตายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็คือ สถิติ 5 ปีที่ผ่านมา มีผู้เมาแล้วขับรถในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ถูกจับดำเนินคดีจนถูกศาลสั่งลงโทษและให้คุมประพฤติ ต้องทำงานบริการสังคมโดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 มีผู้เมาแล้วขับถูกคุมประพฤติ 6,032 คดี ใน พ.ศ.2555 จำนวนลดลงเล็กน้อยเหลือ 5,005 คดี ใน พ.ศ.2556 จำนวนลดลงเป็น 4,691 คดี ใน พ.ศ.2557 จำนวนลดลงไปอีกเป็น 3,826 คดี แต่ใน พ.ศ.2558 เมาแล้วขับได้พุ่งขึ้นเป็น 4,051 คดี

Advertisement

ครับ ! หลังจากเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ (2559) พวกที่โดนยึดรถคงโดนดำเนินคดีทั้งหมด 4,609 คดี

act02200459p1

อีทีนี้ทางกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรมมีนโยบายนำผู้ที่ทำผิดเมาแล้วขับเป็นผู้ถูกคุมประพฤติตามคำสั่งศาลมาทำงานบริการสังคมในห้องดับจิต (ห้องเก็บศพ) ของโรงพยาบาลที่เป็นเครือข่าย เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้แทนการให้กวาดถนน ทำความสะอาดสถานที่สาธารณะโดยต้องทำงานบริการสังคมในโรงพยาบาลอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ซึ่งคณะรัฐมนตรีเองก็เห็นชอบแนวทางนี้ อีกทั้งกระแสสังคมให้การตอบรับ เชื่อว่าจะลดสถิติเมาแล้วขับได้ อธิบดีกรมคุมประพฤติกล่าวต่อว่า จะประชุมร่วมกับโรงพยาบาลภาคีเครือข่ายให้เตรียมความพร้อมรับตัวผู้ถูกคุมประพฤติคดีเมาแล้วขับ ให้เข้าไปดูบรรยากาศภายในห้องดับจิตและแผนกอุบัติเหตุ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ว่าหากเมาแล้วขับมีโทษอย่างไร

Advertisement

น่าสนใจนะครับ เพราะลักษณะนิสัยของคนไทยโดยทั่วไปที่เด่นชัดจนเป็นลักษณะประจำชาติได้อย่างหนึ่งคือ การกลัวผี ซึ่งคงไม่มีใครเถียงกระมังครับว่า “คนไทยกลัวผีกันแทบทุกคน” จัดเป็นอันดับแนวหน้าของโลกเลยก็ว่าได้ จากหลักฐานเชิงประจักษ์ดูได้ง่ายๆ ว่าเรามีผีเป็นร้อยเป็นพันชนิดของผี แบบว่าดูจะมีผีประจำอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง อาทิ ผีกระสือ ผีกระหัง ผีป่า ผีบ้าน ผีพ้อม (ภาชนะสานขนาดใหญ่สําหรับบรรจุข้าวเปลือก) ผีกองกอย ผีชมก ผีปอบ ผีตายทั้งกลม ผีพราย ผีนางตะเคียน ผีกุมารทอง ผีห่า ผีไร้ญาติ ผีตายโหง ฯลฯ เมื่อเทียบกับฝรั่งที่มีเพียงผีดิบ ผีหมาป่า แดร็กคูลา ซาตาน ผีหมาป่ากับผีอีกไม่กี่อย่าง

คนไทยส่วนใหญ่ก็มีนิสัยแปลกอีกอย่างหนึ่งคือเนื่องจากทั้งๆ ที่กลัวผีแต่ชอบฟังเรื่องผีและชอบดูหนังผีกัน หนังไทยส่วนใหญ่ที่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำเพราะคนไทยนิยมไปดูกันส่วนใหญ่ก็เป็นหนังผี ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่คนไทยกันถ้าได้จับกลุ่มคุยกันแล้วผลสุดท้ายก็ลงเรื่องผีทุกที แล้วก็พากันกลัวแทบเป็นแทบตาย

act02200459p2

ดังนั้น การลงโทษพวกเมาแล้วขับดูจะสอดคล้องกับขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของไทยแท้ๆ เพราะคนไทยแทบทุกคนกลัวผีนั่นเองเพราะฉะนั้นนโยบายของกรมคุมประพฤติในปีนี้ ผู้เขียนมั่นใจว่าน่าจะได้ผลดีมากๆ และคงจะลดจำนวนพวกเมาแล้วขับได้อย่างเป็นรูปธรรมเลยทีเดียว หากมีการคุมประพฤติกันอย่างเคร่งครัดและไม่มีการลงโทษแบบลูบหน้าปะจมูก

ผู้เขียนจะคอยแสดงความยินดีกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของกรมคุมประพฤติต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image