ปีใหม่ปัญหาเก่า โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร

ปีใหม่ปีนี้เป็นปีที่ไม่มีอะไรที่คิดว่าจะเป็นของใหม่สำหรับคนไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม รัฐบาล และอื่น ๆ มีชีวิตที่จำเจมาแล้วเกือบ 2 ปี รู้สึกว่านานเหลือเกิน และก็คงจะดำรงอยู่อย่างนี้ต่อไปตลอดปี 2559

รายการวิทยุ โทรทัศน์ ข่าวคราวในหน้าหนังสือพิมพ์ ก็ไม่น่าจะมีอะไรตื่นเต้น

สำหรับปี 2559 ที่ย่างกรายเข้ามาแล้วกว่าค่อนเดือน ข่าวต่างประเทศที่จะเกี่ยวข้องกับประเทศไทย ก็คงจะมีความกดดันให้กับคนไทย เช่น การสอบสวนว่ามีการใช้แรงงานทาส การค้ามนุษย์โรฮีนจาจากพม่าที่ดูเหมือนจะซาลงไปก็อาจจะไม่ซาลงไปจริง อาจจะปะทุขึ้นมาอีกเมื่อใดก็ได้ ถ้าไม่ระมัดระวังให้ดี

ข่าวเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นซึ่งไม่น่าจะมีแล้วจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็อาจจะปะทุกลับมาเป็นข่าวอีกก็ได้ ไม่มีใครรับรองได้ ปัญหาจึงมีอยู่ว่าจะกลบปัญหา จะหาทางไม่ให้สื่อต่างประเทศเสนอข่าวได้อย่างไร ส่วนสื่อในประเทศนั้นไม่ต้องห่วงเพราะพูดจากันได้ แต่สื่อที่อยู่ต่างประเทศนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คนไทยเองก็ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ จึงไม่ค่อยอ่านการเสนอข่าวของสื่อต่างประเทศ ดังนั้นคงจะไม่เป็นไร

Advertisement

เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำซบเซา เหตุการณ์เศรษฐกิจก็มักจะเป็นข่าวในทางลบเสมอ ไม่เหมือนตอนที่เศรษฐกิจรุ่งเรือง สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ ดัชนีราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของเราถลาลงมาเรื่อย ๆ จากกว่า 1,600 จุด ก็ทรุดลงมาเรื่อย ๆ การวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ คำแนะนำล้วนแต่ไปในทิศทางลบ พาให้บรรยากาศไม่เป็นที่อภิรมย์เสียเลย

ราคาพืชผลพากันแห่ลงอย่างไม่ทราบว่าจะหยุดอยู่ที่ใด ข่าวที่หนักหนาก็เห็นจะเป็นราคายางพาราที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ จากที่เคยเกิน 120 บาทต่อ กก. มาถึงขณะนี้ราคา 3-4 กก. 100 บาท ไม่คุ้มที่จะกรีด ยิ่งต้องจ้างแรงงานต่างชาติไม่ว่าจะแบ่งครึ่งหรือแบ่ง 40-60 ก็ยิ่งไม่คุ้ม อารมณ์คนใต้จึงไม่สู้ดี ยิ่งได้ยินนายกรัฐมนตรีพูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำว่า ให้ไปดูแลตัวเอง ให้รู้จักปลูกสตรอว์เบอรี่หรือปลูกกล้วยในสวนยางบ้าง ก็ยิ่งหัวเราะไม่ออก กรอกหน้าไม่ได้ ถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งคงได้เห็นดีกันแล้ว รัฐบาลก็คงนั่งไม่ติดเพราะเริ่มมีคนผูกคอตายแล้ว แต่รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ต้องเอาใจประชาชน ไม่เป็นไร เดินขบวนเข้ากรุงเทพฯก็ไม่มีประโยชน์ แถมอาจจะถูกจับอีกด้วย เพราะเขาห้ามไม่ให้ชุมนุมทางการเมือง การเดินขบวนเรียกร้องราคายางก็เป็นการชุมนุมทางการเมืองอย่างหนึ่ง อยู่ในข่ายอาจจะถูกจับกุมได้

ราคาข้าว ราคาอ้อย ราคามัน ที่พากันลดลงอย่างไม่มีขบวนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าจะมีโครงการพยุงราคา หรือโครงการช่วยเหลือบ้างก็จะกลายเป็นโครงการประชานิยมไป ทำไม่ได้เพราะเหตุผลที่เข้ามาเป็นรัฐบาลก็เพราะต้องการจะล้มล้างโครงการประชานิยม ฝนแล้ง ราคาสินค้าเกษตรตก ก็เป็นเรื่องที่ต้องปรับตัวกันเอาเอง

Advertisement

ชาวปักษ์ใต้ปี 2559 นี้ คงจะหนักทั้งราคายางพารา ราคาน้ำมันปาล์ม การประมง จับหอยปูปลา มีปัญหาไปหมด ปัญหามารวมกันในปีนี้ทั้งหมด ปีใหม่นี้จึงไม่น่าจะเป็นปีที่สดใสสำหรับพวกเรา

ความไม่เชื่อว่าร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างกันอยู่ในขณะนี้ว่าจะสามารถผ่านการลงประชามติ ทำให้การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรคงไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในโรดแมปของคณะรัฐประหาร ก็ยังคงมีอยู่ทั้งปีจนกว่าจะเห็นการประกาศใช้รัฐธรรมนูญถาวรอย่างเป็นทางการหลังการลงประชามติ ที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะผ่านเกินกว่าครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเขียนเป็น “กับดัก” ไว้อย่างนั้น โอกาสที่จะมีผู้คนอกหักเพราะเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น และกำหนดการคืนอำนาจให้ประชาชนมีการเลือกตั้งก็จะมีสูง จะวนเวียนเป็นข่าวอยู่อย่างนี้ทั้งปี 2559

ยังนึกไม่ออกว่าจะทำให้การทำรัฐประหารปี 2557 ไม่เสียของเหมือนการทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 ได้อย่างไร เพราะประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศเดิม ประชาชนคนไทยก็ยังเป็นประชาชนคนเดิม เพียงแต่มีอายุมากขึ้นเท่านั้น แต่คนรุ่นเก่าก็ยังเกาะกุมอำนาจอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดหรือผู้นำกลุ่มใด ถ้าจะไม่ให้เสียของจะทำอย่างไร เรื่องก็คงจะวนเวียนอย่างนี้ทั้งปี

ไม่แน่ใจว่าปี 2559 จะยังได้ยินเพลงคืนความสุขให้ประชาชน เหมือนกับที่ได้ยินมาทั้งปีในปี 2558 หรือไม่ ถ้าให้เดาเราก็คงต้องฟังเพลงคืนความสุขให้กับประชาชนต่อไป เพราะความสุขที่คืนให้กับประชาชนทั้งปี 2558 ยังคืนไม่หมด ยังมีความสุขที่ยังไม่ได้คืนอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ปี 2559 นี้ไม่แน่เหมือนกันว่าจะคืนความสุขได้หมดหรือไม่

อีกเรื่องก็คือ ภารกิจของรัฐบาลในการสร้างความปรองดองระหว่างประชาชนที่แตกแยกกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน ที่เคยเสนอกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับถาวร น่าจะบัญญัติให้มีการจัดตั้งองค์กรที่จะมาสร้างความปรองดองระหว่างคนในชาติ ปีใหม่นี้หวังว่าคงจะไม่ได้เป็นเรื่องการปรองดองอีก เพราะความแตกแยกที่เคยมีก็หลบซ่อนไปอยู่ใต้พรมหมดแล้ว ขณะนี้ก็มีการจับกุมกลุ่มเด็กนักเรียนที่ออกมาแสดงเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่กองทัพกลัวจนแสดงอาการหวาดผวาเป็นระยะ ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยจะมีใครสนใจเท่าไหร่ คล้ายกับว่าใครจะมาทำอะไรก็ทำไป ไม่มีใครสนใจ ก็หวังว่าการปรองดองระหว่างประชาชนในชาติน่าจะเกิดขึ้นในปี 2559 นี้ ซึ่งน่าจะเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ของการปฏิวัติ แต่ถ้าการปรองดองยังไม่เกิด รัฐบาลทหารก็ควรจะอยู่ต่อไป อย่าเพิ่งมีการเลือกตั้ง เพราะจะทำให้การปฏิวัติรัฐประหารครั้งนี้ “เสียของ”

เพื่อให้แน่ใจว่าปฏิวัติรัฐประหารครั้งนี้จะไม่เสียของ ก็ต้องแน่ใจว่านักการเมืองชุดเก่าจะต้องพ้นจากเวทีการเมืองออกไป ดังนั้น ใครที่เคยต้องคดีเลือกตั้งก็ดี กรรมการพรรคที่เคยต้องคดีเลือกตั้งก็จะต้องพ้นจากเวทีการเมืองไปให้นักการเมืองหน้าใหม่ ให้พรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ได้รับเลือกตั้งเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล การเมืองจะได้สะอาดบริสุทธิ์ได้คนดีมาบริหารบ้านเมือง

ที่เคยรณรงค์ให้เลือกพรรคแทนที่จะเลือกบุคคล โดยมีคำขวัญว่า “พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค” เป็นอันใช้ไม่ได้เพราะนายทุนจะเข้ามาจัดตั้งพรรคการเมืองแล้วก็กลายเป็นเจ้าของพรรค จะต้องให้พรรคเกิดขึ้นโดยมวลชนและเป็นพรรคของมวลชน ทำอย่างไรจึงจะทำให้เกิดขึ้น จะได้ไม่มีพรรคของนายทุนชนะการเลือกตั้ง แต่จะเป็นพรรคของประชาชนที่ไม่มีนายทุนเป็นเจ้าของเกิดขึ้น ทั้งปีก็คงจะได้ยินการรณรงค์ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปพรรคการเมืองและการปฏิรูปรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร และการปฏิรูปคณะรัฐมนตรี และอาจจะลามไปถึงการปฏิรูปตุลาการของศาลต่าง ๆ ด้วย เพราะไม่มีองค์กรทางการเมืองใดที่เป็นที่ถูกใจคนไทยเลย ปี 2559 ทั้งปีคงจะได้ยินคำว่า ปฏิรูปนั่นปฏิรูปนี่อยู่เป็นระยะ ๆ

บรรยากาศในปี 2559 นี้ จึงเป็นบรรยากาศของความสับสนทางความคิดของคนไทย เพราะไม่รู้ตัวเองว่าต้องการอะไร ไม่รู้ว่าจะวางคน “รากหญ้า” ไว้ตรงไหนดี หรือจะลืมไปเลยว่ายังมีคนจำนวนมากในชนบทในต่างจังหวัดที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย โดยที่เขาก็ยังคงรับรู้ รับทราบ ความเป็นไปของเศรษฐกิจ การเมือง สังคมเหมือน ๆ กับคนชั้นสูงในกรุงเทพฯและในเมืองเหมือนกัน โดยตลอดปี 2558 ทั้งปีพวกเขาถูกลืมไปแล้วว่าเขายังมีชีวิตอยู่

บรรยากาศอึดอัดอึมครึมที่ปกคลุมประเทศไทยอยู่ทั้งปี ก็คงจะเป็นบรรยากาศที่ยังคงอยู่กับเขาไปอีกทั้งปีในปี 2559 นี้

อย่าหงุดหงิดรำคาญไปเลย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image