แต่งตั้งนายพลสีกากี : (คอลัมน์เดินหน้าชน)

สัญญาณแต่งตั้งโยกย้าย “นายพลสีกากี” ระดับผู้บังคับการ ถึง จเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือเทียบเท่า วาระประจำปี 2561 เริ่มแล้ว
หลังมีหนังสือแจ้งเวียนถึงคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร.วันที่ 19 กันยายน เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ซึ่ง “โผ” จะนำเสนอในที่ประชุม
นั่นหมายความว่าทุกอย่างตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าการพิจารณาคงใช้เวลาไม่นานนัก
แม้จะมีรายชื่อผู้แต่งตั้งทดแทนผู้เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ รวมทั้งโยกย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนอีกเกือบ 200 ตำแหน่งก็ตาม
เพราะทุกตำแหน่งล้วนมีความสำคัญ จึงต้องจัดลำดับและไล่เรียงรายชื่อไว้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดแว่วว่ามีการร่างหนังสือเพื่อเวียนรับทราบอีกครั้ง
ขอเลื่อนการประชุม ก.ตร.ไปเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายนนี้
เพราะวันที่ 17-18 กันยายนนี้ จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรต่างจังหวัด
ดังนั้น การประชุม ก.ตร.ในวันที่ 19 กันยายน อาจพิจารณารายชื่อไม่รอบคอบ
การเลื่อนไปเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนจึงเหมาะสมกว่า
แต่ที่น่าสนใจก็คือ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 7/2560 เรื่องการปรับปรุงระบบการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่เขียนไว้อย่างมีเหตุมีผล

สรุปสาระสำคัญก็คือการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย
และ “ต้นธาร” กระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องสำคัญ
โดยเฉพาะการแต่งตั้งตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ
หากมิได้ดำเนินการให้ “ถูกต้องเป็นธรรม”
ย่อมกระทบต่อขวัญ กำลังใจ ความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
ทั้งหากมีผู้ใช้การแต่งตั้งเป็น “ช่องทาง” เรียกรับผลประโยชน์อันไม่ชอบด้วยกฎหมายและปราศจาก
“ธรรมาภิบาล”
ด้วยแล้ว
ยิ่งก่อให้เกิดความคับแค้นใจแก่ผู้ได้รับผลกระทบ
และอาจเป็นการผลักภาระต่อไปให้แก่ประชาชนจนกลายเป็น “วัฏจักร” แห่งการทุจริตในวงราชการ
ความไร้ประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายและการอำนวยความยุติธรรมจำเป็นต้องปฏิรูประบบการบริหารงานบุคคลของตำรวจ

ซึ่งรัฐบาลและ คสช.ได้ดำเนินการมาแล้วตามลำดับ
และต้องเดินหน้าต่อไปให้สมบูรณ์ทั้งระบบเพื่อตอบสนองความคาดหวังของประชาชน
นับเป็นแนวคิดที่ตำรวจและประชาชนคาดหวังอยากให้การแต่งตั้งเป็นไปตามแนวทางนี้อย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ยังมีหลักเกณฑ์การแต่งตั้งที่ให้ยึดตามหลัก “อาวุโส” ในสัดส่วนร้อยละ 33 ของตำแหน่งว่าง
โดยร้อยละ 33 นั้นยังมีเงื่อนไขกำกับไว้บางตำแหน่งด้วย
โดยปีนี้มีตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ว่างเพียง 1 เก้าอี้ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าง 4 เก้าอี้ ผู้บัญชาการว่าง 17 เก้าอี้ รอง ผบช.ว่าง 39 เก้าอี้ และ ผบก.ว่าง 75 เก้าอี้
รวมแต่งตั้งโยกย้ายสลับสับเปลี่ยนด้วยแล้วก็เกือบ 200 ตำแหน่ง
โดยระดับ ผบช.หน่วยหลัก ถูกตีตราจองไว้เกือบหมดแล้ว
ดังนั้น คงจับตาดูผลการแต่งตั้งและเสียงสะท้อนที่จะออกมาในครั้งนี้ว่าจะยึดตามแนวทางข้างบนหรือไม่อย่างไร?

Advertisement

จะเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจในการแก้ไขระบบบริหารงานบุคลากรในองค์กรสีกากีได้ดียิ่งและที่สำคัญจะเป็นตัวชี้วัดบรรดา ก.ตร.ทั้งหลายว่าการแต่งตั้งนายพลตำรวจครั้งนี้จะสอบ “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานในการแต่งตั้งระดับถัดไปในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย!?!

เทวินทร์ นาคปานเสือ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image