2 ทางที่จะเลือกเดิน โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ

แม้คำถาม “จะมีเลือกตั้งหรือไม่” ยังมีให้ได้ยินอยู่ แต่ไม่บ่อยเหมือน 4-5 เดือนก่อนหน้านั้น และวันนี้คำตอบเปลี่ยนไป จากที่ไปในทางไม่แน่ใจ หรือเชื่อว่าจะไม่มีมากกว่า กลายเป็นมีความมั่นใจมากขึ้นว่าอีก 5 เดือนหลังจากนี้ คือ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ประชาชนจะได้ใช้สิทธิของตัวเองเข้ามามีส่วนร่วมในการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยที่เลือกมาใช้บริหารประเทศ

ที่ได้ยินได้ฟังว่าการเลือกตั้งจะไม่ยืดเยื้อต่อไป ก็ด้วยเหตุผลรวมว่า ทุกอย่างสุกงอมจนผู้มีอำนาจไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ยกเว้นแต่ว่าใครสักคนจะสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองขึ้นมาจนกลายเป็นข้ออ้างเรื่องความไม่สงบ อันเป็นเหตุผลซึ่งถูกใช้สร้างความชอบธรรมในการยึดครองอำนาจ

อารมณ์ของทุกฝ่ายมาในจุดที่คิดว่า “การเลือกตั้งไม่ควรเลื่อนอีกแล้ว”

ในบรรยากาศเช่นนี้ทำให้นักการเมืองทุกคน เริ่มที่จะส่งเสียงสื่อสารกับประชาชน เพื่อให้ได้รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน และกำลังทำอะไรอยู่ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างไร

Advertisement

แต่ละคนต่างแสดงให้เห็นว่าเป็นความหวังที่ดีกว่า เหนือกว่าคนอื่นอย่างไร

คนที่เคยทำผลงานที่ประชาชนชื่นชม จะไปในทางรื้อฟื้นสิ่งที่ทำให้ประชาชนในอดีตมาให้ระลึกถึง พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นว่าหากได้รับเลือกกลับมาใหม่ จะเดินหน้าสร้างผลงานที่ทำให้ประเทศชาติพัฒนา ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขเพิ่มขึ้น โดยใช้ความรู้ ความสามารถ ความฉลาด ปราดเปรื่องให้เป็นประโยชน์กับส่วนรวมอีกครั้ง

เตรียมการประกาศนโยบายและรูปธรรมของผลงานให้ได้เห็นว่าจะทำอะไรให้ประเทศ และจะเป็นประโยชน์กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างไร

อีกพวกหนึ่งที่ผลงานสู้ไม่ได้ เพราะไม่มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการ ความฉลาดเฉลียวในการคิดสร้างคิดทำ ก็ใช้วิธีมองหาจุดอ่อน จุดเสียของฝ่ายตรงกันข้ามที่เป็นคู่ต่อสู้มาประจานให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว พร้อมกับนำเสนอภาพลักษณ์ของตัวเองว่าเป็นคนน่ารัก น่าใคร่ ไม่น่ากลัวอย่างไร

การต่อสู้เพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง เพื่อเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจรัฐ ทุกครั้งทุกหนจะเป็นเช่นนี้

ฝ่ายหนึ่งหาเสียงด้วยการกระตุ้นให้ประชาชนมีความหวังในผลงานที่พิสูจน์แล้วว่ามีความสามารถที่จะทำได้ ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นว่ามีความรู้ ความสามารถ และมันสมองที่จะทำให้ประเทศชาติพัฒนาไปได้ โดยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีงามของประชาชนเป็นเป้าหมาย

กับอีกฝ่ายหนึ่งที่ใช้วิธี สร้างความเป็นมารร้ายของฝ่ายตรงกันข้ามมาขยายให้ประชาชนเกิดความกลัว มุ่งทำลายความดีงามของคู่แข่ง นำพาบรรยากาศการเลือกตั้งสู่ “ความหวาดผวา” ทำให้เกิดความเกรงกลัวว่า “ปีศาจร้ายจะมายึดครองประเทศ” หากไม่เลือกพรรคตัวเองที่น่ารัก น่าใคร่ ซึ่งให้ความรู้สึกปลอดภัยมากกว่า

การเลือกตั้งครั้งนี้ก็ดูจะไม่แตกต่างไปจากนั้น

พรรคการเมืองฟากหนึ่งประกาศตัวว่าจะสนับสนุน ผู้ที่ทำประเทศชาติสงบเรียบร้อย

อีกฝ่ายหนึ่งเสนอตัวเข้ามาด้วยแนวความคิดที่ว่าจะพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าไปในด้านต่างๆ ไม่จมปลักหมักหมมอยู่กับความกลัว ประเทศถอยหลังไปสู่สังคมล้าหลัง

สิทธิเสรีภาพ ความรู้ ความคิด และนวัตกรรมที่จะนำประเทศไปสู่โลกยุคใหม่ นำประชาชนไปสู่ชีวิตที่เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเท่าทันโลกยุคใหม่

ความน่าสนใจอยู่ที่การตัดสินใจเลือกของประชาชน ว่าจะเลือกด้วยอารมณ์แบบไหน

ด้วย “ความกลัว” ว่าประเทศจะหลุดจากความเคยชินเดิม อันเป็น “ความสงบ” ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยมากกว่า โดยไม่เห็นความจำเป็นจะต้องเดินไปเสี่ยงกับสิ่งที่เรียกกับการพัฒนาที่ตัวเองไม่รู้จัก ไม่คุ้นชิน

กับ “ความหวัง” ที่ต้องพร้อมกับการละจากความเคยชินเดิมไป ไปเปิดรับสิ่งใหม่แบบเคลื่อนไปพร้อมๆ กับโลก ที่จะต้องหลุดจากอาณาจักรแห่งความกลัว ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าชีวิตจะไม่ได้อยู่กับ “ความสงบ” เหมือนเดิม

คนส่วนใหญ่ของประเทศจะเลือกแบบไหน ระหว่างพรรคที่นำสู่ความหวังกับพรรคตอกย้ำให้อยู่กับความกลัว

แน่นอนว่า “คนอายุมาก” หรือ “คนแก่” ย่อมมีแนวโน้มที่จะจัดการให้ประเทศอยู่ในความสงบมากกว่า เพราะอารมณ์ของวัยไม่ใช่อารมณ์เห็นความไม่เปลี่ยนแปลงเป็นความสนุกสนาน เป็นชีวิตที่ควรผจญภัยอีกแล้ว

มีชีวิตกับเท่าที่มีอยู่ ย่อมเป็นสุขที่พอแล้ว

แต่ “วัยหนุ่ม วัยสาว” ย่อมต้องการความเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่อย่างพร้อมจะท้าทาย อันเป็นธรรมดาของโลกที่ “คนรุ่นใหม่” จะสนุกและมีความสุขกับการได้เปลี่ยนแปลงโลก และสร้างวิถีชีวิตที่แปลกใหม่อยู่เสมอ มาทุกยุค

นี่คือความเป็นไปที่น่าสนใจยิ่ง

การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 เดือนข้างหน้า

อิทธิพลของ “คนแก่” ที่พยายามสร้างกลไกนำประเทศถอยหลังเข้าคลอง นำชีวิตของผู้คนถอยหลังเข้าถ้ำ เพื่อจะอยู่ได้อย่างรู้สึก “ปลอดภัย” กว่า

กับ “พลังของคนรุ่นใหม่” ที่ “สนุกสนาน” กับการเรียนรู้ เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง มี “ความสุข” กับการสร้างสรรค์ผลงานที่นำพาสังคมไปสู่ความเหมาะสมกับความเป็นไปของยุคสมัย

ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ฝ่ายไหนจะมีอิทธิพลต่อการกำหนดอนาคตของประเทศมากกว่า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image