เหยี่ยวถลาลม : ไม่เปลี่ยน

ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรอยร้าวความแตกแยก
เป็นแต่เพียง “ฉากหนึ่ง” ของละครการเมือง
ตั้งแต่เจอคู่ปรับอย่าง “ไทยรักไทย” ที่ต่อมาเป็น “พลังประชาชน” กระทั่งเป็น “เพื่อไทย” ประชาธิปัตย์สะบักสะบอม ในระยะอันใกล้นี้แทบมองไม่เห็นทางที่จะพลิก “อุปสรรค” เป็น “โอกาส”
วิกฤตการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ทำให้ “ประชาธิปัตย์” ถดถอย ค่อยๆ ลีบเล็กลง
เพียงเพื่อโค่นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง “ประชาธิปัตย์” ยอมเสียเชิง ซวนเซจนเสียหลัก
วันนี้ประชาธิปัตย์จัดรายการน้ำจิ้มประชาธิปไตยด้วยการให้สมาชิกเฟ้นหาตัว “หัวหน้าพรรค”
“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ประกาศจุดยืนว่า พรรคจะเป็นตัวของตัวเอง ต่อต้านเผด็จการ และเป็นทางเลือกของประเทศ
สำนวนเก่ามาก แต่ฝ่ายอนุรักษ์ในพรรคก็ยังหนุนเนืองแน่น
“นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” อดีต ส.ส.พิษณุโลก เป็นคนหนึ่งที่ประกาศว่า “ต้องกล้าเปลี่ยน”
แต่ก็ไม่มีอะไรใหม่ ทั้งยังไม่ชัดว่าจะเปลี่ยนอะไร ได้แต่ว่า จะต้านโกง ซึ่งใครๆ ก็พูดได้ และก็พูดเหมือนๆ กันทุกคนทุกฝ่ายแม้กระทั่ง “คนโกง” ก็จำต้องพูดว่า “ต้านโกง”
“อลงกรณ์ พลบุตร” แหลมคม ชัดสุดที่เสนอว่า “การเมืองเก่าจะสร้างการเมืองใหม่ไม่ได้”
“อลงกรณ์” สมัครชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคพร้อมกับนำเสนอใน “สิ่งที่เป็นไปไม่ได้” ให้กับสมาชิกที่คิดจะเลือก “อลงกรณ์” เป็นหัวหน้าพรรค
เรียกว่า “กฎเหล็ก 5 ข้อ”
1.ต้องไม่มีการซื้อเสียงหรือทุจริตเลือกตั้งเด็ดขาด 2.ต้องไม่หาเสียงโจมตีใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นเด็ดขาด ต้องหาเสียงอย่างสุภาพบุรุษ แข่งขันด้วยนโยบาย วิสัยทัศน์และความสามารถในการบริหาร 3.ต้องไม่รับทุนใต้โต๊ะในการเลือกตั้ง เพื่อไม่ต้องเป็นหนี้ต่างตอบแทนใคร 4.ต้องยึดมั่นในระบบรัฐสภา ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ต่อสู้นอกระบบ และ 5.ต้องไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ว่าตัวเอง ครอบครัว เครือญาติ พวกพ้อง สมาชิกที่จะลงสมัคร ส.ส. และผู้ที่จะดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะต้องเซ็นใบลาออกล่วงหน้าทุกคน
ในสนามเลือกตั้ง “ประชาธิปัตย์” แพ้แล้วแพ้อีก แพ้ซ้ำซาก
แต่ “อลงกรณ์” ก็ยังคงให้ดำรง “หลักการ” ถึงจะเลือกตั้งแพ้ ก็ต้องแพ้ แต่ประชาธิปัตย์ต้อง “กล้าเปลี่ยน”
“อลงกรณ์” นำเสนอให้ประชาธิปัตย์ “เปลี่ยนเส้นทาง”
จะเลือกตั้งไปทำไมกัน ?
ด้วยตรรกะเช่นนี้ 5 พฤศจิกา “อลงกรณ์” ไม่มา และ “ประชาธิปัตย์” ก็ไม่เปลี่ยน!?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image