นานๆ จะมีรถรุ่นใหม่มาที สำหรับ เลกซัส รถหรู ของค่าย โตโยต้า ล่าสุดเปิดตัว Lexus เลกซัส ES ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 7
เลกซัส ES รุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ไฮบริด ผสมระหว่าง เครื่องยนต์วีวีที-ไออี 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 178 พีเอส ที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตรที่ 3,600-5,200 รอบต่อนาที อีกส่วนได้กำลังจากมอเตอร์อีก 105 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่เป็นแบบนิเกิล-เมทัล ไฮไดรด์
ระบบไฮบริด เจเนอเรชั่นใหม่ เลกซัส นำเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.5 ลิตร (A25A-FXS) ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ที่เล็กลง น้ำหนักเบา ภายใต้ระบบการควบคุมที่ละเอียดซับซ้อน เพื่อสร้างอัตราเร่งอันราบรื่น เป็นธรรมชาติ ตอบสนองได้ทันทีเมื่อแตะคันเร่ง
เป็นเครื่องยนต์ที่ให้ พละกำลัง ได้ทรงอานุภาพ
ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ให้ พละกำลัง ได้ทรงอานุภาพ เมื่อทำงานร่วมกับช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นดับเบิลวิชโบน ยางขนาด 235/45 R18
ทำให้การเร่งออกตัวพุ่งทะยานได้ดี แม้ว่าจะเป็น รถยนต์ซีดาน หรู ไซซ์ค่อนข้างใหญ่
ส่วนความเร็วปลายเมื่อวิ่งทางไกลไม่ต้องพูดถึง เพราะเครื่องยนต์ค่อนข้างใหญ่ แม้ว่าจะมีจุดอ่อนเรื่องความประหยัด แต่เลกซัส ES แก้เกมด้วยการติดตั้งระบบไฮบริด ทำให้ลดการใช้น้ำมันไปได้เยอะ
ไฟหน้าแบบ LED และไฟ DRL (Daytime Running Light) รูปตัว L เปล่งประกาย ไม่เหมือนใคร ชุดไฟท้าย LED รูปตัว L ตอกย้ำตัวตนแห่งเลกซัส
ไฟหน้าแบบ อัลตร้า คอมแพคต์ ทรี-อาย แอลอีดี เฮดแลมป์ (Ultra compact 3-eye LED headlamps) มาคู่กับไฟเลี้ยวแบบซีเควนเชียล (Sequential) ลำแสงวิ่งเป็นเส้นต่อเนื่องตามทิศทางการเลี้ยว สำหรับเกรดพรีเมียมและแกรนด์ ลักชัวรี่
ภายใน ห้องโดยสาร เงียบ และให้ความรู้สึกผ่อนคลาย มาตรวัด จอแสดงผล EMV หน้าจอ EMV ขนาด 12.3 นิ้ว จอแสดงผลออปติตรอนแบบ TFT (Thin Film Transistor) ขนาด 7 นิ้ว
ระบบควบคุมเสียงรบกวนแบบแอ๊กทีฟ ปรับระดับการตัดเสียงรบกวนโดยใช้ไมโครโฟนเป็นตัวดักจับเสียงจากเครื่องยนต์ เพื่อวัดระดับว่าต้องควบคุมเสียงรบกวนมากแค่ไหน โดยระบบจะปล่อยคลื่นเสียงที่ตรงข้ามกับคลื่นเสียงจากเครื่องยนต์ ออกมาทางลำโพงเพื่อหักล้างกัน จึงทำให้ห้องโดยสารเงียบสบายหู
รีโมตควบคุมแบบสัมผัส ออกแบบมาให้คุณควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ในรถได้เหมือนกับการใช้สมาร์ทโฟน
เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าปรับหนุนหลังได้ 4 ทิศทางในเกรดพรีเมียม พนักพิงของเบาะนั่งคู่หน้าถูกออกแบบมาให้แยกท่อนล่างและท่อนบนออกจากกัน มีตัวหนุนหลังไว้ในพนักพิงท่อนล่างลดความเมื่อยล้า
มีสวิตช์ควบคุมที่ปรับได้ 4 ทิศทางทั้งแนวตั้งและแนวนอน ปรับแต่งท่านั่งได้เหมาะสมกับสรีระ ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า
เบาะนั่งตอนหลังปรันเอนด้วยไฟฟ้าสำหรับเกรดพรีเมียม เบาะนั่งตอนหลังที่ปรับเอนได้ 8 องศา
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ (Lexus Climate Concierge) แบ่งการดูแลอุณหภูมิออกเป็น 3 ส่วนแยกจากกัน แยกระหว่างบริเวณคนขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และผู้โดยสารตอนหลัง
มีแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย บริเวณตรงกลางกล่องคอนโซล
ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าอัตโนมัติ แค่ขยับเท้าบริเวณใต้กันชนด้านหลัง
พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ใหม่ล่าสุด และระบบซับแรงกระแทกคุณภาพสูง แรงสั่นสะเทือนถูกกำจัดออกจากห้องโดยสาร ยิ่งเพิ่มความนุ่มนวลและความเงียบ
โหมดการขับขี่ ปรับตั้งค่าการขับขี่ ของรถได้ง่ายดายด้วยสวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ ตามสไตล์การขับขี่ มีทั้งโหมดประหยัดน้ำมัน (Eco) โหมดปกติ (Normal) และโหมดสปอร์ต (Sport)
เทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งระบบป้องกันก่อนการชน (Pre-crash Safety System) สำหรับเกรดพรีเมียมและแกรนด์ ลักชัวรี่ เรดาร์ และกล้องที่ตัวรถจะคอยประเมินสถานการณ์ว่าอาจเกิดการชนคนหรือผู้ขับขี่จักรยาน หรือรถคันอื่นๆ หรือไม่
หากมีความเสี่ยงจะชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนคนขับพร้อมช่วยกระตุ้นแรงเบรกเพิ่มเมื่อผู้ขับเหยียบเบรก หรือหากผู้ขับไม่เหยียบเบรกเมื่อมีสัญญาณเตือนระบบจะเบรกเองโดยอัตโนมัติ
มีระบบช่วยรักษาช่องทางวิ่ง (Lane Keeping Assist -LKA) ระบบจะทำการส่งสัญญาณสั่นเตือนที่พวงมาลัย พร้อมกับแจ้งเตือนบนจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ในทันที เมื่อตรวจพบว่ารถขับข้ามเลนโดยไม่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว และยังช่วยประคองพวงมาลัยไม่ให้รถออกนอกเลน
ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Adaptive High-beam System -AHS) ระบบจะตรวจจับแสงไฟจากไฟหน้าของรถที่สวนมา เมื่อระบบตรวจพบว่ามีรถวิ่งสวนเข้ามาในระยะรัศมีความสว่างของไฟสูง หลอดไฟ LED ทั้ง 24 ดวงของแต่ละฝั่งจะดับลงและเปิดขึ้นใหม่อัตโนมัติ เพื่อปรับแต่งการส่องสว่างไปยังบริเวณต่างๆ อย่างเหมาะสม ระบบจะเลือกตัดลำแสงไฟเพียงบางส่วน เพื่อไม่ให้รบกวนสายตาผู้ที่ขับรถสวนทางมา ช่วยเพิ่มความปลอดภัยการขับขี่กลางคืน
ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน (Dynamic Radar Cruise Control) นอกจากจะช่วยรักษาความเร็วให้คงที่โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งแล้ว ระบบจะตรวจวัดระยะห่างจากรถคันหน้าด้วยเรดาร์และกล้องบริเวณหน้ารถพร้อมลดและเพิ่มความเร็วอัตโนมัติ เพื่อคงระยะห่าง
จอแสดงผลแบบพาโนรามา ช่วยตรวจสอบสภาพแวดล้อมในตำแหน่งที่มองเห็นได้ยากจากตำแหน่งผู้ขับ จอภาพ EMV (Electro Multi-Vision) ขนาด 12.3 นิ้ว หรือ 8 นิ้ว จะแสดงภาพเสมือนที่ประมวลผลจากกล้องบริเวณด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลังรถ
สัญญาณเตือนด้านท้ายขณะถอยหลัง ระบบเตือนมุมอับสายตา ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS บริเวณหัวเข่าที่เบาะหน้า ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง เบาะหน้าและเบาะหลังริมนอก และม่านกันกระแทก เบาะหน้าและเบาะหลัง
ถือว่าเป็นรถซีดานหรูนำเข้าจากญี่ปุ่น ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และความหรูหรา ด้วยราคา รุ่น ES 300h รุ่นลักชัวรี่ 3,590,000 บาท รุ่นแกรนด์ ลักชัวรี่ 3,760,000 บาท รุ่นพรีเมียม 4,190,000 บาท รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปีไม่จำกัดระยะทาง
นายพล
