สุจิตต์ วงษ์เทศ : ป้อมมหาไชย อยุธยา ประวัติศาสตร์สิ้นซาก

ตลาดหัวรอ ด้านริมแม่น้ำป่าสัก สมัย ร.5 ราษฎรลงเรือรับเสด็จพระพุทธเจ้าหลวงในงานพระราชกุศลรัชมงคล ระหว่าง 29 พฤศจิกายน ถึง 4 ธันวาคม พ.ศ. 2450 [จากหนังสือ กรุงเก่าเมื่อกาลก่อนฯ ของ อรรถดา คอมันตร์ สำนักพิมพ์สยาม เรเนซองส์ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2554 หน้า 22-23]

ก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก พ.ศ. 2310 แม่ทัพกรุงอังวะให้ทหารขุดรากกำแพงป้อมมหาไชย (อยู่หัวมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเมืองอยุธยา ปัจจุบันเป็นตลาดหัวรอ) เพื่อระเบิดเป็นช่องทางยกทหารบุกเข้ายึดในกรุง มีบอกไว้ในพระราชพงศาวดาร จะคัดมา ดังนี้

“แม่ทัพจึงให้นายทัพนายกองค่ายวัดสามพิหาร วัดพระเจดีย์แดง วัดมณฑป เกณฑ์พลทหารยกเข้ามาทำสะพานเรือกข้ามแม่น้ำที่หัวรอริมป้อมมหาไชย
เอากระดานไม้ตาลตั้งเป็นค่ายวิหลั่นบังสะพานทั้งสองข้างกันปืนชาวพระนคร แล้วยกพลข้ามสะพานเรือกมาฟากข้างกำแพงเมือง ให้ตั้งค่ายริมศาลาดินนอกกำแพง แล้วให้ขุดอุโมงค์รุ้งไปตามยาวใต้รากกำแพง ให้ขนเอาฟืนมาใส่ใต้ราก
แล้วให้เกณฑ์พลทหารสี่กองๆ ละห้าร้อย ให้ทำบันไดเป็นอันมาก สำหรับจะพาดกำแพงปีนปล้นเอาเมืองทั้งสี่ทิศ
ตระเตรียมการทั้งปวงไว้ให้สรรพ กำหนดวันจะเข้าปล้นเอาเมืองวันใด จะให้สัญญาอาณัติด้วยเสียงปืนใหญ่เป็นสำคัญ แล้วให้เอาบันไดพาดกำแพงขึ้นปล้นเอาเมืองให้พร้อมกันทุกด้านทุกกอง”

ครั้นถึงช่วงสงกรานต์ เดือน 5 เมษายน พ.ศ. 2310 กองทัพอังวะก็ทำตามแผนบุกเข้าพระนครศรีอยุธยา
โดยพังรากกำแพงตรงหัวรอ ริมป้อมมหาไชย มีความในพระราชพงศาวดาร ดังนี้

“ลุศักราช 1129 ปีกุน นพศก ถึง ณ วันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 5 วันเนาว์ สงกรานต์วันกลาง พม่าจุดเพลิงเผาฟืนเชื้อใต้รากกำแพงตรงหัวรอ ริมป้อมมหาไชย
และพม่าค่ายวัดการ้อง วัดนางปลื้ม และค่ายอื่นๆ ทุกค่าย จุดปืนใหญ่ปืนป้อมและหอรบยิงระดมเข้ามาในกรุงพร้อมกัน ตั้งแต่เพลาบ่ายสามโมงเศษจนพลบค่ำ
พอกำแพงที่จุดเชื้อฟืนเผารากนั้นทรุดลงหน่อยหนึ่ง ถึงเพลาสองทุ่ม จึงให้จุดปืนสัญญาขึ้น
พลพม่าทุกด้านทุกกองซึ่งเตรียมไว้ ก็เอาบันไดพาดที่กำแพงทรุด และที่อื่นๆ รอบพระนครพร้อมกัน ก็ปีนเข้ากรุงได้ในเพลานั้น”

Advertisement
ตลาดหัวรอ     จ. พระนครศรีอยุธยา (ภาพเมื่อ พ.ศ. 2554) เคยเป็นสถานที่ตั้งป้อมมหาไชยของกรุงศรีอยุธยา
ตลาดหัวรอ จ. พระนครศรีอยุธยา (ภาพเมื่อ พ.ศ. 2554) เคยเป็นสถานที่ตั้งป้อมมหาไชยของกรุงศรีอยุธยา

ความในพระราชพงศาวดารที่ยกมานี้ แต่งใหม่สมัย ร.4 โดยผู้ไม่อยู่ในเหตุการณ์จริง
ดังนั้นจะเชื่อทุกตัวอักษรคงเป็นไปไม่ได้ ต้องพิจารณาไตร่ตรองโดยดูจากสถานที่จริง แล้วเทียบการสงครามยุคโน้นทำกันจริงอย่างไร? ไม่มโนนิมิตคิดเองทั้งหมด เหมือนหนังฝรั่งหรือหนังไทยยุคปัจจุบันที่ทำตามหนังฝรั่ง
แต่จะเทียบสถานที่จริงได้อย่างไร? เพราะป้อมมหาไชยและกำแพงเมืองถูกรื้อทิ้งหมดแล้ว และไม่มีโมเดลจำลองของจริงไว้ให้ศึกษา
ป้อมมหากาฬของกรุงรัตนโกสินทร์ ไม่เคยมีสงครามมาประชิด จึงไม่มีเหตุการณ์อย่างอยุธยา
แต่มีวิถีชีวิตอื่นๆ อยู่ตรงป้อมมหากาฬ จึงควรทำมิวเซียมกลางแจ้งไว้จัดแสดงประวัติศาสตร์สังคมมิให้สูญเหมือนอยุธยา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image