นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 โดย วีรพงษ์ รามางกูร

คําว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 21 เป็นคำที่ท่านนายกฯบรรหาร ศิลปอาชา ใช้ในการแนะนำตัวเอง ทำให้ผู้คนคุ้นเคยกับคำนี้โดยที่ไม่ต้องท่องจำว่าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่เท่าไหร่ของประเทศไทย

นายกฯบรรหาร ศิลปอาชา ได้เข้าสู่วงการเมืองรุ่นแรกๆ เมื่อการเมืองได้เข้าสู่ยุคประชาธิปไตย ภายหลังการล้มลงของรัฐบาลเผด็จการทหาร เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 และเหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลาคม 2519 โดยเข้าร่วมกับกลุ่มซอยราชครูซึ่งเป็นกลุ่มอำนาจเก่าที่มี พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร เป็นหัวหน้าพรรค และ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นเลขาธิการพรรค

เพื่อจะได้เข้าร่วมรัฐบาลหลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2526 พรรคจึงมีการเปลี่ยนแปลงโดย พล.อ.ชาติชายเป็นหัวหน้าพรรคและท่านบรรหารก็ได้ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรค จน พล.อ.ชาติชายถึงแก่อนิจกรรม ท่านจึงขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคและดำรงมาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต จริงอย่างที่ท่านได้เคยกล่าวไว้ว่า ท่านจะอยู่ในสนามเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ก่อนที่ท่านจะขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศ ท่านเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวง จนเกือบจะเรียกว่าครบทุกกระทรวง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง ฯลฯ เป็นต้น

Advertisement

ท่านนายกฯบรรหาร เคยเป็นพ่อค้า ผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นนักอุตสาหกรรม ก่อร่างสร้างฐานะจนเป็นปึกแผ่นแล้วจึงหันมาทำงานการเมือง มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสิ่งต่างๆ แม้กระทั่งตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ยังร่ำเรียน เพื่อสอบเทียบ เพื่อเพิ่มวุฒิการศึกษาให้สูงขึ้น พร้อมๆ กับเรียนภาษาอังกฤษจนสามารถใช้การได้อย่างดี เมื่อได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เป็นนายกรัฐมนตรี

คุณสมบัติที่สำคัญของท่านบรรหารก็คือ ท่านเข้าใจระบบการทำงานของหน่วยงานราชการไทยเป็นอย่างดี ยากที่ใครจะเข้าใจได้อย่างท่าน คุณสมบัติข้อนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการติดตามงานต่างๆ ที่ได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรีมาแล้ว ระบบราชการไทยนั้น ถ้าฝ่ายการเมืองไม่มีความรู้ความสามารถทั้งในเรื่องกฎหมายระเบียบแบบแผนและวิธีปฏิบัติแล้ว ก็มักจะถูกข้าราชการประจำซึ่งเป็นผู้ที่รู้และเข้าใจระบบการทำงานของข้าราชการมากกว่า แสร้งทำให้งานล่าช้า หรือถ้าไม่ชอบหรือไม่เห็นด้วยก็อาจจะไม่ทำเลยก็ได้ โดยที่ฝ่ายการเมืองอาจจะไม่รู้ไม่ทราบจนพ้นวาระไป

การที่ฝ่ายการเมืองจะสามารถผลักดันงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ก็จะต้องมีความขยันหมั่นเพียร ติดตามงาน จะต้องมีความรู้ความเข้าใจทั้งงานช่าง งานวิศวกร รวมทั้งงานการเงินของราชการ ซึ่งมีความสลับซับซ้อนอยู่ไม่น้อย ท่านบรรหารเป็นรัฐมนตรีท่านหนึ่งที่มีคุณสมบัติอันนี้ ด้วยเหตุนี้เมื่อท่านไปเป็นเจ้ากระทรวงใด ท่านก็จะได้ใจข้าราชการประจำที่ทำงานร่วมกับท่าน ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวงหรืออธิบดี ก่อนที่จะทำงานร่วมกับท่านจะมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง แต่เมื่อได้ทำงานกับท่านบรรหาร ทุกคนจะรู้สึกเคารพรักท่านเป็นอย่างมากและรู้สึกอาลัยเมื่อท่านต้องออกไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงอื่นๆ ด้วยคุณสมบัติพิเศษในฐานะนักบริหารที่ต้องเคารพและนับถือ แม้ว่าจะมาจากฝั่งการเมืองก็ตาม

Advertisement

ใครที่เดินทางด้วยรถยนต์ เมื่อเข้าเขตจังหวัดสุพรรณบุรีก็จะรู้สึกทันทีว่ากำลังจะเข้าเมืองที่ได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากผู้ที่มีอำนาจในจังหวัด ที่สามารถจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเข้ามาพัฒนาจังหวัดได้ จะได้พบถนนหนทางกว้างขวางใหญ่โต ตบแต่งสวยงามด้วยดอกไม้นานาชนิด บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน พัฒนาจากหัวเมืองธรรมดาจนใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ ในฐานะที่เป็นผู้แทนราษฎรตลอดกาลของจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านสามารถดึงโครงการต่างๆ เข้าสู่พื้นที่ที่เป็นฐานการเมืองของท่านได้อย่างงดงามและสม่ำเสมอ ผลงานเหล่านี้ทำให้ท่านเป็นผู้แทนราษฎรตลอดกาลของจังหวัดสุพรรณบุรี

ในเรื่องการจัดการบริหารน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของประชาชนรากหญ้าในเขตจังหวัดภาคกลาง อันได้แก่ อ่างทอง สิงห์บุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครนายก ต่อเนื่องมาถึงปทุมธานีและนนทบุรี เป็นเขตที่ระบบการจัดการบริหารน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศที่สามารถผลิตและเหลือส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศเป็นอันมาก นายกฯบรรหาร เป็นผู้หนึ่งที่มีความเข้าใจและจดจำชื่อคลอง คู ประตูน้ำ ระบบการไหลของน้ำตั้งแต่ภาคเหนือจนลงทะเลได้อย่างแม่นยำทั้งหมด ไม่มีใครเทียบได้

เมื่อคราวเกิดน้ำท่วมใหญ่ เมื่อปี 2554 คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับความกรุณาจากท่านบรรหาร ที่ได้ให้ความรู้และพาชมสถานที่ต่างๆ ให้คำแนะนำแก่อธิบดีและเจ้าหน้าที่ระดับเขต ระดับจังหวัด ในการบรรเทาความเสียหายความเดือดร้อนอย่างครบวงจร ความรู้ความสามารถในเรื่องการบริหารจัดการน้ำในประเทศไทยของท่านนั้น ยากที่จะหานักการเมืองคนอื่น หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ในกรมชลประทานจะเทียบท่านได้ แม้แต่ระบบการบริหารจัดการน้ำในระดับประเทศ เช่น ระบบโขง ชี มูล หรือระบบน้ำในภาคใต้

อีกงานหนึ่งที่ท่านมีความชำนาญก็คือ งานก่อสร้างถนน ก่อสร้างทางหลวง ทางด่วน สะพาน เมื่อจะมีการให้สัมปทานก่อสร้างทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ หรือระบบขนส่งมวลชน ท่านนายกฯบรรหารเป็นผู้ที่มีความเห็นว่าระบบขนส่งมวลชนที่เป็นระบบรางควรจะมีมากขึ้น และควรจะเอาลงใต้ดินเมื่อเข้ามาอยู่ในใจกลางเมือง แม้ว่าค่าก่อสร้างจะสูงกว่าการทำรางบนดินถึง 5 เท่าก็ตาม แต่ระบบเช่นว่านี้จะคิดค่าเสื่อมราคาเหมือนสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ในการคิดว่าจะได้คุ้มทุนหรือไม่ เพราะสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ก็จะมีอายุอยู่ไปเรื่อยๆ กว่า 100 ปี เพียงแต่ว่าไม่อยู่ในกรอบที่ฐานะทางการคลังสามารถรับได้

ถ้าจะว่าไปแล้วผลงานของท่านบรรหารในฐานะรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงต่างๆ มีอยู่มากกว่าในฐานะนายกรัฐมนตรี เพราะท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงระยะสั้นๆ

พูดถึงความเป็นนักการเมือง ท่านเป็นผู้ที่มีความอดทนอดกลั้นสูง ครั้งหนึ่งท่านเคยถูกอภิปรายโดยอาศัยหลักฐานเท็จว่าท่านมิได้เกิดในประเทศไทย แต่เกิดในประเทศจีน เพราะมีผู้เอาใบต่างด้าวของบิดาท่านไปแก้ปี พ.ศ. ของการเดินทางเข้าประเทศไทย เป็นวันเดือนปีที่ท่านเกิดไปแล้วตามทะเบียนบ้าน ดังนั้น ท่านจึงขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี การอภิปรายรุนแรงและพาดพิงถึงบุพการีของท่าน แต่เมื่ออภิปรายแล้วก็แล้วกันไป เมื่อพบกับท่าน ท่านก็บอกว่า การเมืองก็คือการเมือง แล้วก็แล้วกันไป วันข้างหน้าพรรคชาติไทยก็อาจจะต้องทำงานกับพรรคที่นำเอาความเท็จมาอภิปรายโจมตีท่านในสภาก็ได้ การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร เป็นอย่างอดีตหัวหน้าพรรคของท่าน พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้กล่าวไว้และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

เมื่อนึกถึงรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2540 ก็ต้องนึกถึงท่านนายกฯบรรหาร ที่จัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ให้ประชาชนได้คัดเลือกกันเป็นตัวแทนเข้าไปมีส่วนร่วมร่าง จนสำเร็จเป็นรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2540 เป็นฉบับเดียวที่ร่างโดยประชาชน ได้รับการยอมรับว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด มากกว่ารัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2517 เสียอีก

งานที่สำคัญอีกงานหนึ่งที่นายกฯบรรหารได้มีโอกาสทำเพื่อสนองพระเดชพระคุณก็คือ การจัดงานพระศพของสมเด็จพระศรีนครินทรา พระบรมราชชนนี ซึ่งเสด็จสวรรคตในวันที่นายกฯบรรหารได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้เป็นนายกรัฐมนตรีพอดี ท่านจัดงานได้อย่างเรียบร้อย สมพระเกียรติทุกประการและเป็นงานที่ท่านมีความภาคภูมิใจมาก

การจากไปของท่านนายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา อย่างกะทันหันโดยไม่มีวี่แววหรือสัญญาณอย่างอื่น นอกจากอายุที่ย่างเข้า 84 ปี จะครบ 7 รอบ จึงรู้สึกเสียดาย ด้วยเพราะเคยทำงานร่วมกับท่านอยู่หลายปี ทั้งรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จึงเห็นความสามารถ ความเฉียบแหลมของการตัดสินใจของท่านในทุกรัฐบาลนั้น

ขอไว้อาลัยแด่ ท่านบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image