เมื่อจิตวิญญาณสหกรณ์บกพร่อง ขบวนการสหกรณ์ก็ถูกกัดกร่อนทำลาย : โดย จุมพล พูลภัทรชีวิน

ผมขออนุญาตเพื่อนๆ ชาวสหกรณ์ สรุปสะท้อนประสบการณ์การทำงานในวงการสหกรณ์ของผม ในช่วงเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นเวลาที่สั้นมากเมื่อเทียบกับวิวัฒนาการของสหกรณ์ที่มีมากว่าร้อยปี แต่เป็นช่วงเวลาที่เข้มข้น ทรงคุณค่าต่อชีวิตของผมมาก จึงอยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชาวสหกรณ์ผ่านการสะท้อนการเรียนรู้ของผม

เกือบสองปีของการทำงาน ในฐานะประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำกัด ผมมีโอกาสเข้าร่วมประชุม แสดงความคิดเห็น และร่วมทำงานกับขบวนการสหกรณ์อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ด้วยรู้ตัวดีว่าผมเป็นน้องใหม่ของวงการสหกรณ์ ผมจึงต้องทุ่มเทเต็มที่ ต้องทำงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ สนใจใฝ่รู้ เพื่อพัฒนางานสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์

ผมยึดมั่นในหลักการและอุดมการณ์ของสหกรณ์ พยายามทุกรูปแบบที่จะกระตุ้นและสร้างจิตสำนึกของการรวมตัวกันเป็นสหกรณ์ ทั้งการพูด การเขียน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในที่ประชุมสหกรณ์และกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ ผมได้เห็นและเรียนรู้สิ่งที่ดีงามของสหกรณ์ และในขณะเดียวกันผมก็ประสบพบเห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในวงการสหกรณ์บางแห่ง ในหลากหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ขัดกับหลักการและอุดมการณ์สหกรณ์ มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก มีการแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่มิชอบอย่างถูกกฎหมายบ้างผิดกฎหมายบ้าง พูดดี ทำชั่ว ยึดผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องมากกว่าประโยชน์สุขของสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์โดยรวม … ของคนบางคนที่จริงๆ แล้วมีจำนวนไม่มาก แต่สร้างความเสื่อมเสียให้กับสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์อย่างประเมินค่าไม่ได้ สหกรณ์และขบวนการสหกรณ์ต้องมาเสียหายด้วยคนไม่กี่คนที่ขาดจิตสำนึก ไร้จิตวิญญาณของความเป็นคนสหกรณ์

ตลอดระยะเวลาของการทำงาน ผมอยู่ท่ามกลางการปะทะกันระหว่างความถูก-ผิด และการอ้างสิทธิตามกฎหมาย กับความควรไม่ควร ความถูกต้องดีงาม ตามหลักคุณธรรมจริยธรรม ผมเผชิญกับการบีบรัดให้ต้องทำตามกฎหมายหลายเรื่องโดยเพิกเฉยหรือละเลยที่จะพิจารณาผลกระทบในมิติอื่นๆ นอกเหนือไปจากความถูก-ผิดทางกฎหมาย ผมต้องอยู่ท่ามกลางการโต้แย้งระหว่างกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ที่ต่างก็อ้างกฎหมายและสิทธิทางกฎหมายในหลายกรณีโดยมิได้สนใจที่จะพิจารณาถึงเรื่องความถูกต้องดีงาม ความควรไม่ควร รวมไปถึงประโยชน์สูงสุดของสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์โดยรวม

Advertisement

ทำไมความถูกต้องดีงามตามหลักคุณธรรมจริยธรรม จึงไม่มีความหมายหรือได้รับความสำคัญน้อยกว่าความถูก-ผิดทางกฎหมายในขบวนการสหกรณ์?

ทำไมหลักการประชาธิปไตย ซึ่งเป็นหลักการหนึ่งที่สำคัญของสหกรณ์ ที่สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมของมวลสมาชิกสหกรณ์ และขบวนการสหกรณ์ตามหลักเสมอภาค เสรีภาพ และภราดรภาพ จึงถูกบิดเบือนไปเหลือแค่การเอาแพ้เอาชนะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผ่านกระบวนการเลือกตั้งที่จัดตั้งกันมาแล้วอย่างเป็นระบบ?

หรือเป็นเพราะ โรค “จิตวิญญาณสหกรณ์บกพร่อง” มันเกิดขึ้นและกำลังระบาดไปในขบวนการสหกรณ์?

Advertisement

หน่วยเหนือที่กำกับควบคุม แต่ไม่ค่อยดูแลสหกรณ์ ก็แทบจะพึ่งพิงไม่ได้เมื่อสหกรณ์มีปัญหาด้านกฎหมายและโดยเฉพาะด้านคุณธรรมจริยธรรม เพราะแต่ละฝ่ายยึดอิงกับความถูก-ผิดทางกฎหมาย (การตีความตามตัวอักษร) และพยายามปกป้องตนเอง ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้วยังเป็นการสร้างปัญหาให้ซับซ้อนเพิ่มขึ้น เช่นเรื่องการยกเลิกกิจการหรือปิดสหกรณ์ แทนที่จะเอาผิดกับผู้กระทำผิดที่ขาดจิตวิญญาณสหกรณ์ แต่กลับไปปิดสหกรณ์ ส่งผลกระทบทางลบต่อสหกรณ์และสมาชิกของสหกรณ์อื่นๆ ที่ทำธุรกรรมทางการเงินกับสหกรณ์ที่ถูกปิดต้องเดือดร้อน เป็นการนำความผิดของคนส่วนน้อยมาลงโทษสหกรณ์และคนส่วนใหญ่

หรือโรค “จิตวิญญาณสหกรณ์บกพร่อง” ก็เกิดขึ้นและระบาดเข้าไปในหน่วยเหนือที่กำกับ ควบคุม (แต่ไม่ค่อย) ดูแลสหกรณ์?

การสรุปสะท้อนการเรียนรู้จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมบางส่วนที่กล่าวไว้ข้างต้น ไม่มีเจตนาที่จะให้ร้ายใครหรือหน่วยงานใด เป็นเจตนาบริสุทธิ์ของผมที่ “อิน” กับปรัชญา คุณค่า หลักการ และอุดมการณ์ของสหกรณ์ที่ผมรวมเรียกว่า “จิตวิญญาณสหกรณ์” เป็นการเขียนสะท้อนเพื่อให้เพื่อนๆ ชาวสหกรณ์ได้ตื่นตัว ลุกขึ้นมาปกปักรักษา เสริมสร้าง และพัฒนาสหกรณ์ของท่าน และขบวนการสหกรณ์โดยรวม อย่าปล่อยให้อนาคตของสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์ขึ้นอยู่กับประธานคนเดียวหรือกรรมการดำเนินการฝ่ายเดียว และที่สำคัญ อย่าปล่อยให้อนาคตของขบวนการสหกรณ์ขึ้นอยู่กับชุมนุมสหกรณ์ หรือสันนิบาตสหกรณ์แต่เพียงฝ่ายเดียว

เพราะหากโรค “จิตวิญญาณสหกรณ์บกพร่อง” ระบาด ซึ่งส่วนสำคัญส่วนหนึ่งมาจากเรื่องผลประโยชน์ อาจนำไปสู่โรคที่ไม่พึงประสงค์อีกโรคหนึ่งคือโรค “ผลประโยชน์กำเริบ” มันทำให้ต่อม “ท่อน้ำเลี้ยง” ทำงานมากผิดปกติ เกิดการขยายตัว เพื่อที่จะรองรับท่อนำเลี้ยงย่อยๆ ที่สร้างเพิ่มขึ้นมาได้ แล้วจิตวิญญาณสหกรณ์ก็จะถูกกัดกร่อนและถูกทำลายไปเรื่อยๆ เป็นเหตุให้หน่วยเหนือที่กำกับควบคุมนำไปเป็นข้ออ้างเข้ามา “กำจัดจุดอ่อน” และ “จำกัดจุดแข็ง” ของสหกรณ์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือโดยมีเจตนาที่ดี แต่กลับส่งผลร้ายต่อขบวนการสหกรณ์

วงจรที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็น “วงจรอุบาทว์” ของสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์ และในความเป็นจริงมันเป็นวงจรที่เกิดขึ้นแล้วในบางส่วนของขบวนการสหกรณ์ ที่น่าเป็นห่วงคือ มีความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวรุนแรงขึ้น ทั้งๆ ที่มันเป็นวงจรที่ไม่พึงประสงค์

เพื่อนๆ ชาวสหกรณ์ครับ เราชาวสหกรณ์ต้องพึ่งตนเอง ช่วยเหลือตนเอง และเพื่อนๆ สหกรณ์ด้วยกันตามหลักการ และอุดมการณ์ของสหกรณ์ อย่าปล่อยให้คนเพียงไม่กี่คนที่ขาดจิตวิญญาณสหกรณ์เข้ามาทำให้สหกรณ์และขบวนการสหกรณ์ ซึ่งเป็นเสาหลักที่สำคัญเสาหนึ่งในการสร้างและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศต้องเสียหาย ด้วยการปลุกจิตสำนึก และสร้างเสริมจิตวิญญาณสหกรณ์ให้แข็งแกร่ง ด้วยการกระทำ ด้วยการเข้ามามีส่วนร่วมกับสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์ตามบทบาท หน้าที่ของสมาชิกสหกรณ์ ตามศักยภาพ ตามความเหมาะสม และความเป็นไปได้ของพวกเราชาวสหกรณ์

มาช่วยกันลั่นกลองรบ ปลูกและปลุก จิตสำนึกและจิตวิญญาณสหกรณ์ ให้เกิดขึ้นกับคนสหกรณ์ และโดยเฉพาะผู้ที่อาสาเข้ามาบริหารสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์ รวมไปถึงคนของหน่วยเหนือที่ควบคุม กำกับ ดูแลสหกรณ์ ให้ควบคุม กำกับ ดูแลสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์ด้วยจิตวิญญาณสหกรณ์ ไม่ใช่ด้วยกฎหมาย เกณฑ์กำกับ หรือมาตรการทางการเงินที่บังคับใช้กับสถาบันทางการเงินทั่วๆ ไปแต่เพียงอย่างเดียว

จุมพล พูลภัทรชีวิน
www.thaissf.org, twitter.com/jitwiwat
สนับสนุนโดย มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image