⦁…แรงสมราคาคุยว่าเป็น “ม้าตีนปลาย” สำหรับ “พลังประชารัฐ” หลัง “กลุ่มสามมิตร” ประสานร่างเข้ามาเต็มตัว “อดีต ส.ส.” จากพรรคเก่า “สวมเสื้อโชว์ตัว” กันคึกคัก โดยเฉพาะที่ได้ชื่อว่า “ผู้มีบารมีในจังหวัดต่างๆ” เหมือนจะพร้อมใจกันเข้ามา “ผนึก” ด้วยเหตุผลที่ให้ไปในทางเดียวกัน สามารถ “ดึงงบประมาณมาพัฒนาท้องถิ่นได้” เรียกว่าแค่เริ่มก็ได้เปรียบอื้อ การสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้สมัครว่า “กำลังสนับสนุนเต็มที่” ไม่ใช่แค่ที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน ประกาศให้รู้กันว่า “รัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์มาเพื่อพรรคเรา”
⦁…เพียงแต่ ไม่ว่าจะ “ปัจจัยการต่อสู้” จะ “พร้อม” และ “ได้เปรียบ” คู่ต่อสู้แค่ไหน เมื่อถึงที่สุดแล้ว “ประชาชน” จะเป็นผู้ชี้ขาด ประเด็นอยู่ที่ว่า “พลังประชารัฐ” ซึ่งชื่อเดียวกับ “ประชารัฐ” อันเป็นโครงการรัฐบาลที่ใช้เงินจากภาษีประชาชน ประกาศอุดมการณ์ “หนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็น “นายกรัฐมนตรี” ต่อไป และมี “ทีมรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล” เป็น “ผู้นำพรรค” จะทำให้ “ประชาชน” ตัดสินใจได้ไม่ยาก ว่าจะ “เลือกหรือไม่” ด้วย “ผลงาน 5 ปีที่ผ่านมา” ย่อมเป็นที่ซึ้งอยู่เต็มอกว่า “น่าประทับไว้ในใจ ด้วยความหมายใด”
⦁…ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ที่จะเรียนรู้ “พรรคพลังประชารัฐ” เพื่อเป็น “ความคิดในการตัดสินใจ” แค่ดู “สภาพที่เกิดขึ้นกับการทำมาหาเลี้ยงชีวิตของตัวเองในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา” ว่า “ปากท้องของคนในครอบครัวมีชะตากรรมดีขึ้นหรือเลวลง” ด้วยว่า “ทีมบริหารเศรษฐกิจ” ที่มี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นขุนพลใหญ่ ก็คือ “ทีมพรรคพลังประชารัฐ” ที่จะเข้ามา “บริหารจัดการเศรษฐกิจของชาติ” ต่อไป ความเป็นไปที่ผ่านมา คงคาดเดาได้ไม่ยากว่า “หากได้กลับมากันอีก” ผลประโยชน์จะตกกับกลุ่มใด “ชาวบ้านทั่วไป” หรือ “มหาเศรษฐีแค่ไม่กี่ตระกูล” วิธีที่ทำให้ “รวยกระจุก จนกระจาย” จะฟูเฟื่องต่อไปหรือไม่ “ประชาชน” จะเป็นผู้ตัดสิน
⦁…คำสั่ง “หัวหน้า คสช.” ที่ใช้ “ม.44” ให้อำนาจ กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ แม้จะ “คุ้มครองเรื่องผิดกฎหมาย” ทว่าพิษภัยที่เกิดขึ้นกับความเป็นไปของประเทศ ไม่ใช่มีแค่เรื่อง “ผิดหรือไม่ผิดกฎหมาย” แต่เป็นคำถามเรื่อง “ความชอบธรรม” อันคำตอบเป็นปัจจัยสำคัญต่อ “การอยู่ร่วมอย่างยอมรับกันและกัน” ไม่ใช่ทุกคนไม่รู้ว่า “การเลือกตั้ง” ไม่น่าห่วงเท่า “ความวุ่นวายหลังเลือกตั้ง” แต่แทนที่จะหาทางลดปัจจัยที่จะทำให้เกิดความยุ่งยาก กลับ “แสวงชัยชนะ โดยไม่เลือกวิธีการ” ผลที่ตามมาย่อมน่ากังวลยิ่ง
⦁…จากอาชีพที่ “คนรุ่นใหม่” เคยมองด้วยสายตาไม่มีความหวังนัก ถึงวันนี้ “ข้าราชการ” กลายเป็นอาชีพที่ “หอม” ที่สุด ไม่ว่าใครต่างอยากให้ลูกหลานเลือก ไม่เพียง “ความมั่นคง” ที่เหนืออาชีพอื่นอยู่แล้ว เพราะ “บรรจุเมื่อไร อยู่ได้ยาวเป็นส่วนใหญ่” และ “สวัสดิการยอดเยี่ยม” เพราะครอบคลุมหมด “สามีหรือภรรยา บุตรธิดา พ่อแม่” เป็น “ข้าราชการ” เมื่อไร สบายด้วยหลักประกันกันยกโขยง “5 ปี ภายใต้อำนาจ คสช.” ยังอนุมัติ “ผลประโยชน์สารพัดให้ไม่หยุดหย่อน”
⦁…เป็น “ข้าราชการ” วันนี้ จึงเพียบพร้อมด้วย “อำนาจ” ตาม “ตำแหน่ง” ที่ให้คุณให้โทษ ชนิดชี้เป็นชี้ตายชีวิตของชาวบ้านได้ ยกมือผ่านกฎหมายเพิ่มอำนาจกันมากมาย อิ่มเอมด้วย “ผลประโยชน์” ทั้ง “เงินได้รายเดือน” และ “สวัสดิการสารพัด” พร้อม “บำเหน็จบำนาญ” ที่ตอกย้ำความมั่นคงของชีวิต
⦁…ก่อนหน้านั้น เคยมีความคิดกันว่า “โครงสร้างข้าราชการไทย” เทอะทะ และเป็น “อุปสรรคต่อการพัฒนา” เพราะโลกยุคใหม่ที่เคลื่อนไปด้วยบทบาทของภาคเอกชน สำหรับ “ข้าราชการ” ที่ควรจะถอยกลับมาเป็น “ฝ่ายอำนวยการ” น่าจะทำให้กระชับลงเพื่อความคล่องตัว ไม่รู้ “ปฏิรูป” กันอีท่าไหน “งบประมาณรายจ่ายประจำปี” ยิ่งบานทะโรคไปกับ “ค่าตอบแทนข้าราชการ” ขณะที่ “งบพัฒนา” ต้องเที่ยว “หากู้” กันหูตูบ ปัญหาใหญ่ของชาวประชาคือ แก้กฎหมายกันสารพัด เพื่อ “บังคับให้ต้องจ่ายเงินให้รัฐเพิ่ม”
ทั้งในรูป “ภาษี” และ “อื่นๆ” จะอยู่กันยังไง
ชโลทร