บทนำ 24พ.ย.61 : สร้างมาตรฐาน

คณะรัฐมนตรีออกมาตรการช่วยเหลือประชาชน ในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม รวมแล้วเป็นเงิน 8.1 หมื่นล้านบาท รัฐบาลชี้แจงว่า ไม่ได้เพิ่งมาคิดและทำในวันนี้ แต่ได้สอบถามความเห็นจากประชาชน ใช้เวลามาพอสมควร แต่มาประจวบเหมาะกับเวลาช่วงสิ้นปีพอดี ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง เพราะรัฐบาลมีตัวเลขผู้สูงอายุและผู้มีรายได้น้อยอยู่แล้ว ที่แล้วมายังไม่มีรัฐบาลใดออกนโยบายส่งตรงไปยังผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือด้านการเดินทาง การใช้ชีวิต การรักษาพยาบาล ในอนาคต ไม่ว่ารัฐบาล
ชุดใดเข้ามา ควรนำแนวทางนี้ไปปฏิบัติ

พรรคการเมืองต่างๆ ได้ออกมาทักท้วงเพราะใช้งบประมาณจำนวนมาก และถึงมือประชาชนกลุ่มใหญ่ รวมแล้ว 16.1 ล้านคน ในห้วงเวลาใกล้เลือกตั้ง รัฐบาลเองก็มีการตั้งพรรคการเมือง และมีพรรคเครือข่ายจำนวนหนึ่ง ประกาศสนับสนุนนายกฯคนปัจจุบันเป็นนายกฯต่อไป ซึ่งเท่ากับว่า รัฐบาลเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันเลือกตั้งและต้องการคะแนนนิยมจากประชาชน การอัดฉีดงบประมาณดังกล่าว จึงน่าจะหวังผลในการเลือกตั้งอย่างปฏิเสธได้ยาก

ในเรื่องเดียวกันนี้ ทาง กกต.โดยนายอิทธิพรบุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวว่า สำนักงาน กกต.จะเป็นผู้ตรวจสอบ หากเห็นว่ามีมูลความผิด ก็จะส่งมาให้คณะกรรมการ กกต.ได้พิจารณา เพื่อตั้งกรรมการไต่สวนต่อไป ซึ่งโดยกระบวนการแล้ว สำนักงาน กกต.จะเข้าไปตรวจสอบ โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้องเรียนก็ได้ หากจะมีการตรวจสอบจริง ก็จะเป็นเรื่องที่ดีหาก กกต.มีการตรวจสอบดังที่กล่าวจริง และเป็นการสร้างมาตรฐานที่สูงขึ้นในการทำงานขององค์กรอิสระ ซึ่งที่ผ่านมาสังคมไม่เชื่อมั่นมากนัก

การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.2562 เกิดขึ้นหลังจากรัฐประหารปี 2557 เพื่อ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” แต่การหาเสียงในขณะนี้ มีการกระทำที่ผิดจากแนวปฏิบัติและมารยาททางการเมืองที่พึงกระทำ คงกล่าวไม่ได้ว่าการเมืองไทยผ่านการปฏิรูปแล้ว ปกติ รัฐบาลก่อนเลือกตั้ง จะระมัดระวังไม่ใช้งบมากเกิน แต่จะใช้เท่าที่จำเป็น เพื่อให้รัฐบาลต่อไป เข้ามาใช้งบประมาณตามนโยบายที่ประชาชนชื่นชอบและมอบความไว้วางใจให้เข้ามาเป็นรัฐบาล เรื่องนี้เป็นมาตรฐานที่ควรรักษาโดยปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image