China International Import Expo November 5-10,2018 : โดย ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

งานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนครั้งที่ 1 ได้เริ่มขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ วันที่ 5 พฤศจิกายน มีกำหนด 6 วัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวเปิดงานต้อนรับแขกทั่วโลก

4 พฤศจิกายน คือ “วันสุกดิบ” ของงานมหกรรม ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และสตรีหมายเลข 1 ได้จัดเลี้ยงอาหารค่ำแขกเหรื่อที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเซี่ยงไฮ้

รัฐวิสาหกิจและธุรกิจเอกชนที่เข้าร่วมงานมหกรรมโลกครั้งนี้มีจำนวนกว่า 3,600 ยูนิต จาก 172 ประเทศ ภูมิภาค และองค์กรระหว่างประเทศ

แม้จากผลกระทบของสงครามการค้า รัฐบาลสหรัฐไม่ได้ร่วมงาน แต่บริษัทธุรกิจในสหรัฐประมาณ 180 ยูนิตเข้าร่วม มีจำนวนมากเป็นอันดับที่ 3 อันได้แก่ธุรกิจ คมนาคม เครื่องไฟฟ้า รถยนต์ รวมทั้งธุรกิจของสหรัฐที่ถูก “บล็อก” ในจีนคือ Google และ facebook

Advertisement

สุนทรพจน์กล่าวเปิดงานของ “สี จิ้นผิง” มีข้อความกินใจพอสรุปสาระสำคัญได้ว่า

“สภาพเศรษฐกิจของจีนวันนี้เสมือนมหาสมุทร มิใช่บ่อน้ำเล็ก พายุบ้าหมูฝนห่าใหญ่พัดถล่มบ่อน้ำเล็กได้ แต่หาได้พัดถล่มมหาสมุทรนั้นไม่ พร้อมกับเปิดเผยมาตรการในการปฏิรูปประเทศเชิงลึก และเหตุผลการจัดงานคือผลักดันการเปิดกว้างและกระตุ้นเศรษฐกิจโลก วิพากษ์ระบบกีดกันทางการค้า อันเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ อีกทั้งกระทบต่อระบบพหุภาคีและการค้าเสรี ผู้อ่อนแอกว่าย่อมเป็นเหยื่อของผู้แข็งแรง อันเป็นเส้นทางที่นับวันแคบลงจนสู่ทางมรณะ ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่สร้างประโยชน์ร่วมกัน คือเส้นทางที่ยิ่งเดินยิ่งกว้าง เพราะเป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานของมนุษย์”

การที่ “สี จิ้นผิง” วิพากษ์ระบบกีดกันการค้า……และผู้อ่อนแอกว่าย่อมเป็นเหยื่อ…..นั้น แม้มิได้เอ่ยชื่อ แต่เป็นที่เข้าใจว่าหมายถึงสหรัฐ ที่เป็นตัวการในการกีดกัน โดยอาศัยกฎแห่งความอยู่รอดในป่า ผู้แข็งแรงกว่าย่อมเป็นผู้รอด ผู้อ่อนแอกว่าย่อมเป็นเหยื่อของผู้แข็งแรงกว่า เรียกกันว่า “Law of the jungle” เป็นคำพูดที่ลุ่มลึกแหลมคม และทรงความหมายยิ่ง

Advertisement

เมื่อได้เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์ 09.45 น. ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พร้อมด้วยผู้นำหลายประเทศเดินเข้าปะรำพิธีพร้อมกัน เป็นการให้ความสำคัญแก่เพื่อนร่วมโลกและรับรู้การเป็นหุ้นส่วน

เป็น “สุดยอด” ของการทูต ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความสับสนและปั่นป่วนของโลก

เป็นการเพิ่มหุ้นส่วนทางการค้าที่มีมากอยู่แล้วมากยิ่งขึ้นอีกโสดหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังเป็นการยกระดับสู่โลกโกอินเตอร์ และเปิดตลาดการค้าในเชิงลึก

งานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนครั้งแรก เป็นงานแสดงสินค้านำเข้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่เพียงมีการตกลงซื้อขายสินค้า และการบริการสินค้า ยังมีนิทรรศการบรรยากาศการลงทุนของนานาประเทศที่เข้าร่วม เป็นต้น

เนื่องจากมีประมุขจากหลายประเทศเข้าร่วม จึงกลายเป็น “มาสเตอร์พีซ” ทางการทูตของจีนไปโดยปริยาย เป็นความวิริยะของคนจีน เป็นความภูมิใจของคนจีน

การจัดงานมหกรรมครั้งนี้ เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมาตรการต่อต้านสงครามการค้า หากเป็นเจตนาที่แสดงให้โลกภายนอกเห็นการยกระดับการปฏิรูปเปิดประเทศ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ อันอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้าสากล

2018 ครบรอบ 40 ปีแห่งการปฏิรูปเปิดประเทศ จะทำการปฏิรูปเชิงลึกซึ่งหมายความรวมถึงการค้าเกินดุล คำมั่นเลื่อนลอย จีนไม่นิยม หากต้องพูดจริงทำจริง

อันเป็นอุดมการณ์ของพรรคคือ “ค้นหาสัจธรรมจากความเป็นจริง”

ทั้งนี้ จากตัวเลขนำเข้า-ส่งออกปี 2017 แม้ว่ามีการนำเข้าเพิ่มขึ้น แต่ยังเกินดุลอยู่ถึง 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ การที่จะให้อยู่ที่จุด “สมดุล” นั้น วสันตฤดูยังอยู่อีกไกลนัก

แต่ “สี จิ้นผิง” ให้คำมั่นว่า จะใช้เวลา 15 ปี ทำให้เกิดความสมดุลโดยการนำเข้าสินค้า

เป็น “ปฏิญญาเซี่ยงไฮ้” ที่น่าจับตามองด้วยความระทึก

เวลา 40 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนส่งออกซึ่งสินค้าที่มีคุณภาพต่ำและทรัพยากรธรรมชาติ ต่อมาเปลี่ยนแปลงรูปแบบเป็นการนำเข้าสินค้ากึ่งไฮเทค ทำการประกอบแล้วส่งออกโดยปรับปรุงคุณภาพสินค้าและยกระดับมาตรฐานกรรมวิธีการผลิต จนกลายเป็นการส่งออกสินค้าไฮเทคขนาดยักษ์ใหญ่ สร้างรายได้มหาศาล จีนกลายเป็นประเทศที่มีเงินทุนสำรองอันดับที่ 1 ของโลก

วันนี้ฐานะเศรษฐกิจประเทศจีน บรรดานักธุรกิจ และประชาชนจีนมีเงินออมมากล้น อันเป็นอานิสงส์ให้ตลาดจีนเติบใหญ่รวดเร็ว และได้มาถึงขั้น “ใหญ่เกินที่จะล้ม” (too big to fail)

อดีต ประเทศจีน “ขายอย่างเดียว” ตามคำขวัญ “ก้าวออกไป”

ปัจจุบัน ประเทศจีน กำลังเปลี่ยนเป็น “ซื้ออย่างเดียว” ตามคำขวัญ “นำเข้ามา”

นี่คือ “เจตนารมณ์” ของการจัดงานมหกรรมสินค้านำเข้า

ถือเป็น “ต้นทุน” ทางการทูตอันสูงยิ่ง สูงที่ผู้นำต่างประเทศให้ความสำคัญมาร่วมงาน มารับรู้ความสำเร็จของจีน เป็นความวิริยะอุตสาหะของผู้นำจีน เป็นความร่วมมือของคนจีน 56 เผ่าพันธุ์ ที่สืบทอดเจตนารมณ์ของอดีตผู้นำสูงสุด “เติ้ง เสี่ยวผิง” ถ้าวิญญาณของ “เติ้ง เสี่ยวผิง” สามารถหยั่งทราบได้ด้วยญาณวิถีใดก็ตาม คงจะมีความปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง

ผู้นำต่างประเทศที่มีมาร่วมงานครั้งนี้ยังมีจำนวนไม่มาก คือประมุข 8 ประเทศ นายกรัฐมนตรี 10 ประเทศ น่าจะเกิดจากสาเหตุ 1 เป็นครั้งแรกของการจัดงาน

1 สหรัฐนอกจากไม่ร่วมยังต่อต้าน “สุดโต่ง” เป็นเหตุให้บรรดาประเทศกลุ่ม G7 ไม่มีประเทศใดเข้าร่วม และเวียดนามกลัวจนต้องลดระดับผู้แทนที่เข้าร่วมงาน

พฤติการณ์ของ “โดนัลด์ ทรัมป์” จึงเสมือน “มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ”

อย่างไรก็ตาม ประเทศจีนยามนี้คือ “ขาขึ้น” อีกประการหนึ่ง วิทยายุทธ์การ “ปรับตัว’ ของจีนอันเกี่ยวกับ “ความเปลี่ยนแปลง” นั้น ต้องยอมรับว่า “สุดยอด” ของกลยุทธ์

ฉะนั้น จึงน่าเชื่อว่า อำนาจหรือพลังใดก็มิอาจทำให้ “ความรุ่ง” ของจีนสะดุดหยุดอยู่

อดีตเมื่อ 1957 เริ่มจัดงานมหกรรมแสดงสินค้า “กว่างโจว” เป็นสัญลักษณ์แห่งการ “ก้าวออกไป” อุปสรรคมากมาย และยังละอ่อน แต่เวลาผ่านมาเกินครึ่งศตวรรษ ก็ยังดำรงอยู่

ปัจจุบัน 2018 จัดมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนครั้งที่ 1 “เซี่ยงไฮ้” เป็นสัญลักษณ์แห่งการ “นำเข้ามา” สภาพโดยรวมของจีนแตกต่างจากอดีต คือ “รากงามผลงาม”

บัดนี้ รัฐบาลได้ประกาศวันที่จะจัดงานครั้งที่ 2 เรียบร้อยแล้ว

จึงเชื่อว่า “China International Import Expo” จะต้องจัดอย่างต่อเนื่องและเป็นนิรันดร์

ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image