ที่มา | คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|---|
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
เผยแพร่ |
กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ต้องถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กัน สำหรับปัญหาคดี 7 ตุลาคม 2551 ที่ ป.ป.ช.ชุดเดิม ชี้มูลความผิดกับผู้นำรัฐบาลและตำรวจในขณะนั้น แล้วยังไปจ้างทนายฟ้องร้องเองต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เพราะในแง่ของคนรักสิทธิประชาธิปไตย เริ่มห่วงใยว่าจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับรัฐบาลในอนาคต ต่อการตัดสินใจใช้มาตรการสลายการชุมนุมทางการเมืองของประชาชน
เพราะถ้าหากรัฐบาลและตำรวจที่ใช้ตำรวจปราบจลาจลและแก๊สน้ำตา ถูก ป.ป.ช.ชี้ว่ามีความผิด
ขณะที่ในการสลายการชุมนุมเมื่อ 10 เมษายน-19 พฤษภาคม 2553 ของอีกรัฐบาล ใช้เจ้าหน้าที่ติดอาวุธจริงและกระสุนจริง อ้างว่ามีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุม ลงเอยฝ่ายผู้ชุมนุมที่ไม่เกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายตายไปด้วยกระสุนความเร็วสูงถึง 99 ศพ สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช.ชี้ว่ารัฐบาลไม่ผิด ตีตกไปเลยไม่ต้องส่งอัยการส่งศาล
เช่นนี้แล้ว ต่อไปเจ้าหน้าที่รัฐผู้ปฏิบัติ ไปจนถึงรัฐบาลผู้ออกคำสั่งในเหตุการณ์การชุมนุมประท้วง จะใช้แนวทางไหนควบคุมสถานการณ์
ถ้าหากมีคดีตัวอย่างเป็นบรรทัดฐานเอาไว้แล้ว
เกิดรัฐบาลในอนาคตเห็นว่าวิธีการที่ ป.ป.ช.ชี้ว่าไม่ผิด ปลอดภัยสำหรับผู้ออกคำสั่ง ทำไปแล้วไม่ต้องถูกดำเนินคดี เลยพากันหันไปเลือกแนววิธีดังกล่าวกันหมด
ส่วนวิธีใช้ตำรวจปราบจลาจลและแก๊สน้ำตา ที่เป็นมาตรฐานสากล ใช้กันทั่วโลกนั้น แต่ในประเทศไทยเรา ป.ป.ช.ชี้ว่าผิด
อย่างนี้รัฐบาลในวันหน้า อาจไม่กล้ายึดถือแนวทางไม่ใช้อาวุธจริง
ถ้าหากแนวโน้มกลายเป็นเช่นนี้
อนาคตของประชาชนที่จะใช้สิทธิเสรีภาพในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในภายภาคหน้าจะเป็นเช่นไร จะสยองกว่า 99 ศพหรือไม่
จึงบอกว่าในสายตาของผู้รักเสรีภาพประชาธิปไตย จึงเริ่มห่วงใยถึงบรรทัดฐานของคดีสลายการชุมนุมทางการเมือง อาจจะมีผลสร้างความสับสนต่อการปฏิบัติในภายภาคหน้าของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐ
แม้ว่าบ้านเมืองเราในวันนี้อยู่ภายใต้การคุมอำนาจของรัฐบาล คสช. ไม่สามารถใช้สิทธิชุมนุมได้ตามปกติ
แต่เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง การเมืองเข้าสู่ความเป็นปกติ ประชาชนย่อมมีเสรีภาพในการเคลื่อนไหวทางการเมือง จึงควรได้รับการคุ้มครองชีวิตด้วย
อันที่จริง แนวทางการใช้ตำรวจปราบจลาจล ไม่มีอาวุธจริง มีเพียงกระสุนยาง แก๊สน้ำตานั้น เริ่มต้นด้วยมติของคณะรัฐบาล นายอานันท์ ปันยารชุน ที่เข้ามาบริหารบ้านเมืองหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535
รัฐบาลนายอานันท์มีหน้าที่สอบสวนค้นหาต้นตอความรุนแรงในเหตุการณ์นองเลือด 17 พฤษภาคม 2535 ก่อนได้ข้อสรุปว่า นับจากนี้ไปประเทศไทยต้องไม่มีการสลายม็อบด้วยกระสุนจริงจนล้มตายเลือดนองกลางเมืองหลวงอีก
อันเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งตำรวจปราบจลาจล และจัดหาเสื้อเกราะ โล่ กระบอง กระสุนยาง แก๊สน้ำตาครั้งใหญ่ เพื่อสร้างหลักประกันคุ้มครองชีวิตของประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการประท้วง
คำถามคือ ในยุคต่อๆ มา รัฐบาลไหนที่ปฏิบัติโดยยึดแนวทางจากรัฐบาลของนายอานันท์ และรัฐบาลไหนไม่ปฏิบัติตามในการสลายการชุมนุม
แล้วบรรทัดฐานของ ป.ป.ช.ชุดเดิมเป็นเช่นไร ระหว่างการใช้แก๊สน้ำตา กับการใช้กระสุนจริง
อย่างนี้แล้ว ควรจะมีทางออกอย่างไร เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องล้มตายนองเลือดกลางเมืองหลวงอีก