เผด็จการกับประชาธิปไตย โดย เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดบัตรลงคะแนนเลือกตั้งแล้วให้ต้องมีทั้งหมายเลขผู้สมัครและสัญลักษณ์พรรคการเมือง (logo) เพื่อผู้ลงคะแนนทราบแน่ชัดว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลขนั้นสังกัดพรรคนี้ ไม่สับสน หรือจำผิดพลาด โดยเฉพาะหมายเลขกับสัญลักษณ์พรรคตรงกับชื่อผู้สมัคร

เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ “ปลดล็อก” ทางการเมือง พรรคการเมืองและผู้จะสมัครรับเลือกตั้งที่ขยับเนื้อขยับตัวออกหาสมาชิกพรรค เริ่มหาเสียงให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งรู้จักชื่อผู้สมัครและพรรคโดย สะดวกใจ ไม่ต้องเกรงจะทำผิดต้องโดนมาตรา 44 เล่นงาน เว้นแต่ว่าการหาเสียงนั้นไปหมิ่นประมาทใครเข้า

ต้องไม่ลืมว่า ใครจะทำผิดถูกอย่างไรเป็นเรื่องของใครคนนั้น ใครไม่มีหน้าที่ในเรื่องนั้นโดยตรง ห้ามออกความเห็น หรือกล่าวหาผู้ที่ทำผิดทำถูกคนนั้น ซึ่งอาจทำให้ถูกฟ้องร้องและถูกจำคุกฐานหมิ่นประมาทได้

วันนี้ทั้งพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งออกประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง วันสมัครรับเลือกตั้ง จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละจังหวัด เขตเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ และสถานที่สมัครแบบบัญชีรายชื่อ

Advertisement

จากนั้นค่อนไปกลางเดือนมกราคม 2562 เริ่มรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้พรรคการเมืองเสนอชื่อผู้จะเป็นนายกรัฐมนตรี 3 ชื่อ ประกาศรายชื่อผู้สมัครแบบแบ่งเขต และผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งได้ทราบว่าใครเป็นใคร สังกัดพรรคอะไร ทั้งแบบแบ่งเขต แบบบัญชีรายชื่อ ที่สำคัญคือรายชื่อผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี หากพรรคการเมืองนั้นได้รับเสียงข้างมาก หรือมีโอกาสเลือกนายกรัฐมนตรี

เมื่อทราบว่าพรรคการเมืองนั้นมีใครรับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจะได้ตัดสินใจเลือกผู้สมัครพรรคนั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อไปลงมติเลือกผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีสมใจนึกบางลำพู

ทั้งนี้ทั้งนั้น การตัดสินใจเลือกใคร ไม่ใช่ว่าเลือกแล้วจะได้ใครคนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง 1 คน มี 1 เสียงเท่ากัน ต้องใช้เสียงเลือกพรรคนั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมกับวุฒิสภาจำนวนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด

Advertisement

เพราะบทเฉพาะกาล มาตรา 272 ในระหว่างห้าปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และมติที่เห็น ชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา

หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะมาจากการเสนอชื่อของพรรคการเมืองในบัญชีรายชื่อและมี
จำนวนคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือเมื่อรวมกับวุฒิสมาชิกแล้วเกินกว่ากึ่งหนึ่งโดยไม่ต้องเสนอชื่อคนนอกที่ไม่มีชื่อในบัญชีรายชื่อ

อย่างน้อย นายกรัฐมนตรีจะได้มาจากการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิออกเสียง ไม่ใช่มาจากใครก็ได้

หากมีการแจ้งชื่อผู้ที่ได้รับเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีจะได้รู้ว่ามีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ประกาศว่าหากไม่ทำตามนั้นจะยึดอำนาจ แล้วประกาศตั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่มีตัวเองเป็นหัวหน้า รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างง่ายดาย

มาวันนี้ ประกาศเป็นนักการเมือง ยอมตายเพื่อทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐบาลประชาธิปไตยในนามพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้น วันที่ต้องพ้นจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรีจากการยึดอำนาจเป็นเผด็จการ มาเป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตยต้องฟังเสียงประชาชน

จะได้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายดายเหมือนกับการใช้อำนาจเผด็จการปิดปากประชาชนเมื่อสี่ห้าปีที่ผ่านมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image