รัฐบาลสหรัฐ ปิดทำการแล้ว : โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นรัฐรวม (composite states) ประกอบด้วยมลรัฐ (ประเทศ) 50 ประเทศ จึงมีรัฐบาลหลักๆ อยู่ 51 รัฐบาล คือรัฐบาลมลรัฐ 50 รัฐบาล ซึ่งมีประมุขของรัฐเป็นผู้ว่าการรัฐ (governor) และมีรัฐสภาของแต่ละมลรัฐ รวมทั้งมีระบบศาลเพื่อพิจารณาพิพากษาตามกฎหมายของรัฐสภาของมลรัฐที่ตราออกมาได้อย่างเป็นอิสระอีกด้วย สำหรับรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “รัฐบาลสหรัฐ” หรือรัฐบาลกลางนั้น มีที่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า เขตปกครองพิเศษโคลอมเบีย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโปโตแมคบนชายฝั่งตะวันออกของประเทศ จากที่ดินบริจาคของมลรัฐเวอร์จิเนียร์และมลรัฐแมรีแลนด์ สำหรับเขตปกครองของรัฐบาลกลาง โดยทั้งสามอำนาจของรัฐบาลกลางสหรัฐมีศูนย์กลางอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทั้งรัฐสภาสหรัฐ (อำนาจนิติบัญญัติ) ประธานาธิบดี (อำนาจบริหาร) และศาลสูงสุดสหรัฐ (อำนาจตุลาการ)

บรรดาข้ารัฐการ (สหรัฐอเมริกาไม่มีพระมหากษัตริย์ดังนั้นจึงไม่มีข้าราชการ) เฉพาะของรัฐบาลสหรัฐของกระทรวงฝ่ายบริหารในส่วนกลางซึ่งรัฐสภาจัดตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบรัฐการระดับประเทศและระหว่างประเทศโดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการทั้ง 15 กระทรวง มาจากการคัดเลือกโดยประธานาธิบดี โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา นอกจากกระทรวงต่างๆ แล้วยังมีองค์การเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งซึ่งรวมกลุ่มเป็นสำนักประธานาธิบดี (Executive Office of the President) ได้แก่ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักบริหารจัดการและงบประมาณ คณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ สภาคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ สำนักนโยบายควบคุมยาเสพติดแห่งชาติ และสำนักนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้ปฏิบัติงานในส่วนราชการเหล่านี้เรียกว่า ข้ารัฐการพลเรือนกลาง

นอกจากนี้ยังมีส่วนรัฐการอิสระ เช่น สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) สำนักข่าวกรองกลาง สำนักป้องกันสิ่งแวดล้อม และสำนักพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา กับทั้งยังมีรัฐวิสาหกิจ เช่น บรรษัทประกันเงินฝากกลาง และบรรษัทขนส่งคนโดยสารรถไฟแห่งชาติ โดยสรุปข้ารัฐการที่เป็นพลเรือนของรัฐบาลสหรัฐมีประมาณสองล้านแปดแสนคน ไม่รวมทหารนะครับ

ครับ! ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็เนื่องจากสำนักงานสำคัญหลายแห่งของรัฐบาลกลางสหรัฐเริ่มหยุดดำเนินการตั้งแต่เวลา 12.01 นาฬิกาของวันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม 2561 ภายหลังผ่านเส้นตายเวลาเที่ยงคืนโดยที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านกฎหมายงบประมาณตามเงื่อนไขที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการได้ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในทำเนียบขาวและแกนนำคองเกรสจากทั้งสองพรรควิ่งเต้นเจรจากับประธานาธิบดีทรัมป์หลายครั้ง แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ยืนยันว่าหากในงบประมาณไม่มีเงินงบประมาณก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ที่มีมูลค่าสูงถึง 5,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 185,000 ล้านบาท เขาก็จะวีโต้กฎหมายงบประมาณ คือไม่ลงนามในกฎหมายงบประมาณนี้ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลกลางสหรัฐต้องปิดทำการเป็นบางส่วน ซึ่งกระทบต่อพนักงานของรัฐบาลกลางราว 800,000 คน ที่จะถูกพักงานหรือไม่ก็ต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง

Advertisement

สำหรับหน่วยงานที่ไม่ได้รับผลกระทบนั้นมีราว 3 ใน 4 ที่รวมถึงกองทัพและกระทรวงสาธารณสุขที่ได้งบจัดสรรไว้ถึงสิ้นเดือนกันยายน พ.ศ.2562 จึงทำให้เหลือหน่วยงานอีก 25% อันรวมถึงองค์การนาซา, กระทรวงพาณิชย์ และอีกหลายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, ยุติธรรม, เกษตร และต่างประเทศ

ทรัมป์ยืนกรานให้ใส่งบประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกเพื่อสกัดกั้นผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่สมาชิกพรรคเดโมแครตคัดค้าน ทรัมป์ยังวีโต้ร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้นฉบับชั่วคราวที่วุฒิสภาส่งมายังสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันพฤหัสบดี และบีบให้ ส.ส.รีพับลิกันเสนอร่างกฎหมายอีกฉบับ ที่บรรจุงบสร้างกำแพง 5,700 ล้านดอลลาร์ และงบบรรเทาภัยพิบัติ 7,800 ล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่มีทางผ่านมติ 60 เสียงของวุฒิสภาที่พรรคเดโมแครตยืนกรานคัดค้าน

น่าสังเกตว่าขนาดปีนี้ที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภายังไม่สามารถผ่านกฎหมายตามใจประธานาธิบดีทรัมป์ได้ พอเดือนมกราคมปีหน้า (พ.ศ.2562) เป็นต้นไป ในสภาผู้แทนราษฎรจะมีเสียงข้างมากเป็นของพรรคเดโมแครต

Advertisement

ปี พ.ศ.2561 ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีที่รัฐบาลกลางสหรัฐต้องปิดทำการเป็นบางส่วนถึง 3 ครั้งในช่วงเวลาเพียงปีเดียว ซึ่งการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐจะเกิดขึ้นเมื่อรัฐสภาสหรัฐและประธานาธิบดีสหรัฐไม่สามารถตกลงผ่านกฎหมายงบประมาณประจำปีได้ (กฎหมายต้องผ่านรัฐสภาทั้ง 2 สภา และประธานาธิบดีลงนามในกฎหมายนั้นจึงจะใช้บังคับได้) ในกรณีนี้การตีความปัจจุบันของรัฐบัญญัติต่อต้านงบประมาณเพิ่มเติม (Anti-deficiency Act) กำหนดให้รัฐบาลกลางสหรัฐต้องปิดการทำงานบางส่วนโดยสิ้นเชิง และการลดขนาดกิจกรรมและบริการของหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ

ดังนั้นตั้งแต่ พ.ศ.2519 เป็นต้นมา เมื่อมีการตรากฎหมายงบประมาณและกระบวนการงบจัดสรร จะมีข้อขัดแย้งกันระหว่างประธานาธิบดีกับรัฐสภาถึง 19 ครั้งในการจัดสรรเงินงบประมาณ ซึ่งในจำนวนนี้ 8 ครั้งนำไปสู่การปิดการทำงานบางส่วนของรัฐบาลกลางสหรัฐ โดยก่อน พ.ศ.2533 เมื่อมีการขัดแย้งกันถึงขนาดตกลงกันไม่ได้ระหว่างรัฐสภากับประธานาธิบดีไม่นำไปสู่การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐเสมอไป แต่หลัง พ.ศ.2533 มีการบังคับให้รัฐบาลสหรัฐปิดทำการบางส่วนทุกครั้งที่มีการขัดแย้งระหว่างรัฐสภากับประธานาธิบดีจนตกลงกันไม่ได้

ความจริงอย่างหนึ่งจากการนำเสนอช่วงแรกของบทความแล้วนั้นเรื่องรัฐบาลกลางสหรัฐปิดการทำการบางส่วนก็ไม่ค่อยกระทบกระเทือนประชาชนมากนัก เพราะรัฐบาลกลางสหรัฐมีบทบาทน้อยกว่ารัฐบาลของมลรัฐมาก บรรดาคนที่ลำบากจริงๆ คือพนักงานของรัฐบาลสหรัฐบางส่วนเท่านั้นเองที่จะไม่ได้รับเงินเดือน แต่ดูออกจะบาปกรรมสำหรับการไม่จ่ายเงินเดือนให้พนักงานหลายแสนคนตอนช่วงเทศกาลคริสต์มาสและขึ้นปีใหม่

โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image