พระราชปณิธาน ร.10 สืบสาน-รักษา-ต่อยอด

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชน ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและแนวพระราชดำริต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในการบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้แก่ปวงชนชาวไทย และพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าสืบไป โดยตลอด 2561 ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่เพื่อให้พสกนิกรมีความสุข

ไม่ว่าจะเป็น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยราชการในพระองค์ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัดงานขึ้น “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” เพื่อพระราชทานความสุขให้กับประชาชน ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่า โดยรายได้จากการจัดงานไม่หักค่าใช้จ่าย ทรงนำไปใช้ในการพระราชกุศล บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากภัยและเหตุการณ์ต่างๆ ทั่วภูมิภาคของประเทศ

จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” ครั้งที่ 2 ในวันที่ 9 ธันวาคม 2561-19 มกราคม 2562 เพื่อพระราชทานความสุขให้คนไทย

ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯทรงเปิดงาน และทรงจักรยานนำพสกนิกรนับแสนคนร่วมกิจกรรมไบค์ อุ่นไอรัก เส้นทางประวัติศาสตร์พระลานพระราชวังดุสิต-คลองลัดโพธิ์ ระยะทางไป-กลับ 39 กิโลเมตร

Advertisement

นับตั้งแต่เสด็จขึ้นทรงราชย์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยในทุกข์สุขของประชาชน ได้พระราชทานความช่วยเหลือพสกนิกรที่ประสบความเดือดร้อนมิขาดสาย ทั้งจากภัยพิบัติต่างๆ อุทกภัย วาตภัย พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ เชิญถุงยังชีพพระราชทานไปช่วยเหลือผ่านมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระราชูปถัมภ์ และหน่วยงานภาครัฐต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งพระราชทานความช่วยเหลือในการปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี่ทั้ง 13 ชีวิต ที่สูญหายไปในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย จนกระทั่งช่วยเหลือเยาวชน 12 คน และโค้ช 1 คนออกมาจากถ้ำและคืนกลับสู่อ้อมอกครอบครัวอย่างปลอดภัย

ในปี 2561 ซึ่งเป็นปีที่ 3 แห่งรัชสมัย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ร่วมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านแสตมป์ 2 ชุดสำคัญแห่งปีคือ แสตมป์ชุดวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และแสตมป์พระฉายาลักษณ์ชุดแรกแห่งรัชกาล สำหรับใช้งานทั่วไป 12 ชนิดราคา ทั้งนี้ ซื้อได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

Advertisement

ขณะที่กระทรวงการคลัง นำเหรียญกษาปณ์ในรัชกาลที่ 10 รุ่นแรก ออกมาใช้หมุนเวียนแล้ว รวม 9 ชนิด ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2561

ด้าน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกใช้ธนบัตรรัชกาลที่ 10 เผยเป็นแบบ 17 โดยเริ่มออกใช้ 3 ชนิดแรก ชนิดราคา 20 บาท 50 บาท และ 100 บาท ออกใช้ในวันจักรี 6 เมษายน 2561 ส่วนชนิดราคา 500 บาท และ 1,000 บาท ออกใช้ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2561

นับเป็นธนบัตรรุ่นแรกในรัชสมัยรัชกาลที่ 10 ที่ “ธนบัตรแบบแรกมีการเชิญพระบรมสาทิสลักษณ์พระมหากษัตริย์ไทยทุกรัชกาลมาเป็นภาพประธานบนธนบัตร” ด้วย

10 ข่าวเด่นดังรอบปี’61

 

จับพระเถระเอี่ยวเงินทอนวัด

ปฏิบัติการล้างบางขบวนการทุจริตเงินทอนวัด เมื่อเช้าตรู่วันที่ 24 พฤษภาคม 2561 นำโดย พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ที่บูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ในสังกัด บก.ป.,บก.ปปป. และ บก.ปอท.เข้าตรวจค้นวัดใหญ่หรือพระอารามหลวงในพื้นที่ กทม. 3 แห่ง มีวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, วัดสามพระยา และวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร เข้าจับกุมพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปคากุฏิวัด คือ พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร 2.พระอรรถกิจโสภณ เลขาฯเจ้าคณะกรุงเทพฯ วัดสามพระยา 3.พระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ 4.พระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดสระเกศ และ 5.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และฆราวาสอีก 4 คน ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับบริษัท ดีดีทวีคูณ ที่รับจ้างผลิตสื่อให้กับวัดสระเกศ “ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน” และยังคงหลบหนีอีก 2 รายคือ พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม

การกระทำผิดของพระเถระทั้งหมดนี้เกิดจากเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตเงินงบประมาณที่ทางวัดทั้ง 3 วัดได้รับสนับสนุนมาจากทางสำนักพุทธฯ แต่กลับไม่นำเงินไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ตามที่กำหนด

โดยทั้ง 3 วัดจะได้งบประมาณมาจากหลายส่วน ซึ่งแต่ละวัดจะมีวิธีย้ายเส้นทางการเงินแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการโอนเงินเข้าบุคคลอื่นแทบทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินจนพบหลักฐานต่างๆ ทางธุรกรรมการเงินนำไปสู่การจับกุม

ต่อมาวันที่ 30 พฤษภาคม พระพรหมสิทธิได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว เพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ขณะนี้ยังคงเหลือพระพรหมเมธี ที่ยังคงหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ

ละคร‘บุพเพสันนิวาส’ฟีเวอร์

เป็นปีที่ละครไทยความฮอตทะลุกราฟถึงขั้นเปลี่ยนค่าจีดีพีให้พุ่งขึ้นสูงได้ สำหรับละคร บุพเพสันนิวาส ของช่อง 3 ที่แสดงนำโดย โป๊ป-
ธนวรรธน์ วรรธนภูติ และเบลล่าราณี แคมเปนเรื่องราวย้อนยุคไปสมัยอยุธยา ที่ถ้ามองแค่ในเรื่องของวงการบันเทิงนั้นก็บอกเลยว่าทุบสถิติละครในยุคนี้ไปได้แบบราบคาบ

ทั้งในเรื่องของเรตติ้งที่สูงที่สุดในในประวัติศาสตร์วงการทีวีดิจิทัล ด้วยตัวเลขเฉลี่ย 18.4 และด้วยเหตุนี้ทำให้ค่าโฆษณาช่วงที่ละคร บุพเพสันนิวาส ออกอากาศสูงแตะ 480,000 บาท/นาที จนมีกระแสข่าวว่ารายรับของช่องจากละครเรื่องนี้คิดเป็นเงินกว่า 500 ล้านบาทเลยทีเดียว

แถมพระนางยังได้ขึ้นแท่นเป็นคู่จิ้นแห่งปี มีแฟนคลับทั้งบ้านเดี่ยวบ้านคู่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เรื่องของงานอื่นๆ ก็ตามกันมา จนนักแสดงในเรื่องอีกหลายคนพลอยติดลมบน เดินสายออกอีเวนต์กันแทบไม่เว้นแต่ละวัน

ด้าน โป๊ป-เบลล่า เองก็แพคคู่รับงานโชว์ตัว รวมไปถึงพรีเซ็นเตอร์โฆษณากวาดเม็ดเงินไปได้อีกไม่น้อย

หากมองลึกไปกว่านั้น บุพเพสันนิวาส ยังกลายเป็นวาระแห่งชาติ ที่กระทรวงวัฒนธรรมยังพลอยตื่นตัวไปด้วย เมื่อหลายคนลุกขึ้นมาใส่ชุดไทย นุ่งโจงห่มสไบ ปลุกกระแสชาตินิยมของไทยให้กลับมาลุกโชนอีกครั้ง

ทำเอาพ่อค้าแม่ค้าคึกคักไปทั่วประเทศจากการขายหรือให้เช่าชุดไทยตามกระแส รวมไปถึงอาหารไทยหลายอย่างที่คนยุคนี้อาจจะไม่คุ้นหูนักก็กลับมามีชื่อและเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ทั้งหนังสือนวนิยาย หนังสือจินดามณีที่ถูกกล่าวอ้างถึง หรือแม้แต่หนังสือประวัติศาสตร์ในยุคนั้นก็พลอยฟีเวอร์ไปด้วย

นอกจากนี้ ค่าจีดีพีที่กล่าวไว้แต่ต้นนั้น ก็ทำเอาเมืองอยุธยาที่ปรากฏในท้องเรื่องขยายตัวเติบโตขึ้นหลายเท่า เพราะแฟนละครต่างแห่เที่ยววัดวาอารามที่พูดไว้ในละคร โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์ว่า มีเงินสะพัดจากเมืองท่องเที่ยวที่ปรากฏอยู่ในละคร รวมกันราว 20,000-30,000 ล้านบาท

ซึ่งรัฐบาลก็ถึงขั้นเล็งให้สร้างละครแนวประวัติศาสตร์ที่เล่าเรื่องราวถึงเมืองอื่น อาทิ สุโขทัย เพื่อเพิ่มเม็ดเงินการท่องเที่ยวให้พุ่งทะยานขึ้นบ้าง

17วัน‘หมูป่า’ติดถ้ำหลวง

นับเป็นข่าวใหญ่แห่งปี 2561 ของไทยและโลก กับปฏิบัติการช่วยเหลือเยาวชนทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี่แม่สาย และ “โค้ชเอก-เอกพล จันทะวงษ์” ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน รวม 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย

ย้อนไปเมื่อ 23 มิถุนายน 2561 หลัง 13 คนเสร็จจากการฝึกซ้อมฟุตบอลก็ขี่จักรยานไปเที่ยวในถ้ำหลวง แล้วเกิดฝนตกหนัก น้ำไหลเข้าท่วมปิดทางออก ทำให้ทั้งหมดติดอยู่ภายในถ้ำ

กระทั่งเวลา 22.00 น. หลังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่รับแจ้งเหตุก็เริ่มค้นหา แต่เกินความสามารถ จึงประสานหน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือหน่วยซีล กองทัพเรือ ส่งทีมประดาน้ำมาช่วย แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะน้ำยังท่วมสูง แถมภายในถ้ำบางช่วงเป็นซอกหลืบ คับแคบ น้ำขุ่น ทัศนวิสัยบางจุดเป็น 0

จึงขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญประเทศต่างๆ โดยเฉพาะนักดำน้ำในถ้ำ ขณะเดียวกันมีนักดำน้ำทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ มาร่วมปฏบัติการ รวมถึงจิตอาสาด้านต่างๆ รวมแล้วกว่า 1 หมื่นคน

กระทั่ง 2 กรกฎาคม เวลา 21.38 น. นักดำน้ำชาวอังกฤษ 2 คนพบทั้ง 13 คน อยู่บริเวณบนเนินนมสาว ห่างจากปากถ้ำกว่า 4 กม. ในสภาพร่างกายอิดโรย แต่ทว่าสภาพจิตใจยังดีมาก แม้จะติดอยู่ในถ้่ำมานานกว่า 9 วัน ในความมืดมิดและไร้อาหาร

แม้จะสร้างความยินดีให้กับคนทั่วโลก แต่ยังมีปฏิบัติการที่ยากลำบากในการลำเลียงทั้ง 13 ชีวิตออกจากถ้ำอย่างปลอดภัย

ต้องระดมนักดำน้ำมาช่วยลำเลียงถังออกซิเจนตามจุดต่างๆ ในถ้ำเพื่อให้มีอากาศเพียงพอในการดำน้ำ แต่ก็เกิดเรื่องน่าเศร้า เมื่อ จ.อ.สมาน กุนัน
หรือ “จ่าแซม” อดีตหน่วยซีลที่มาร่วมปฏิบัติภารกิจ หมดสติในน้ำ และเสียชีวิตในที่สุด เมื่อเช้ามืดวันที่ 6 กรกฎาคม ได้รับการยกย่องเป็น “ฮีโร่” และเลื่อนยศเป็น “นาวาตรี”

กระทั่ง 8 กรกฎาคม นำเด็กคนแรกออกจากถ้ำได้เมื่อเวลา 17.40 น. และทยอยออกมารวม 4 คน 9 กรกฎาคม ช่วยออกมาได้อีก 4 คน และ 10 กรกฎาคมช่วยที่เหลือ 5 คน ครบทั้ง 13 คน ออกมาอย่างปลอดภัย ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดี

เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ของโลก นอกจากจะเห็นถึงพลังความสามัคคีของคนทั้งโลกแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่า 13 ชีวิตทีมหมูป่า ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายนานกว่า 17 วันยังมีสภาพจิตใจที่ดีเยี่ยม โดย “โค้ชเอก” เผยเคล็ดลับในภายหลังว่าให้เด็กๆ นั่งสมาธิ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน จนผ่านเหตุการณ์อันสุดโหดร้ายนี้มาได้ราวปาฏิหาริย์

ปลดล็อกพรรค-สู่เลือกตั้ง

ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เป็นประธานร่วมกับ
ตัวแทนพรรคการเมือง 75 พรรค เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2561 เพื่อเตรียมความพร้อมของพรรคในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ธันวาคม 2561

มติจากที่ประชุมเห็นตรงกันว่าโรดแมปการเลือกตั้งทั่วไป ยังเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 โดยไทม์ไลน์ที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงโดยคาดว่า พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 มกราคม 2562

โดยพรรคการเมืองจะหาเสียงได้และเริ่มนับค่าใช้จ่ายการหาเสียงทันที

จากนั้นในวันที่ 14 ธันวาคม 2561 หัวหน้า คสช.ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2561 เรื่อง “การให้ประชาชนและพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง” ให้สอดรับกับ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีการยกเลิกและปรับแก้ไขประกาศ คสช. คำสั่ง คสช.และคำสั่งหัวหน้า คสช. รวม 9 ฉบับ

แบ่งเป็นคำสั่ง คสช. 3 คำสั่งได้แก่คำสั่ง คสช.ที่ 10/2557 คำสั่ง คสช.ที่ 26/2557 เรื่องห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินหรือทรัพย์สินของบุคคล คำสั่ง คสช.ที่ 80/2557เรื่อง ให้บุคคลปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด

ประกาศ คสช. 3 ฉบับ ได้แก่ ประกาศ คสช.ที่ 39/2557 เรื่อง กำหนดเงื่อนไขปล่อยตัวบุคคลที่มารายงานตัวต่อ คสช. ประกาศ คสช.ที่ 40/2557 เรื่อง กำหนดเงื่อนไขปล่อยตัวบุคคลที่ถูกกักตัวตามกฎอัยการศึก พ.ศ.2547 ประกาศ คสช.ที่ 57/2557 เรื่อง ให้ พ.ร.ป.บางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป ในเฉพาะข้อ 2 คือการยกเลิกการห้าม ไม่ให้พรรคการเมืองจัดประชุม ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใดรวมถึงการจัดตั้ง จดทะเบียนพรรค

คำสั่งหัวหน้า คสช. 3 ฉบับ ได้แก่ คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ โดยยกเลิกเฉพาะข้อที่ 12 คือยกเลิกการห้ามชุมนุมหรือมั่วสุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 เรื่อง การดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองลงวันที่ 22 ธันวาคม 2560 เฉพาะในข้อ 4 ข้อ 5 และข้อ 7 คือการยกเลิกการห้ามพรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่ คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 13/2561

เรื่องการดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 14 กันยายน 2561 เฉพาะในข้อ 6 คือการยกเลิกการห้ามพรรคการเมืองหาเสียง หรือประชาสัมพันธ์ ติดต่อสื่อสารกับผู้ดำรงตำแหน่งภายในพรรค และสมาชิกพรรค

มหากาพย์โกงเงินคนจน

เริ่มต้นจากข่าวภูมิภาคเล็กๆ ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่นักศึกษาฝึกงาน 4 คนนำโดย แบม-ปณิดา ยศปัญญา นักศึกษาจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ออกมาร้องเรียนความไม่ชอบมาพากลการดำเนินงานของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น ซึ่งอยู่ในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่สั่งให้ปลอมลายเซ็นต์และลงลายมือชื่อแทนประชาชน ในใบเสร็จรับเงินรวมกว่า 2,000 ราย คิดเป็นยอดเงิน 6.9 ล้านบาท

ได้นำมาสู่การตรวจสอบและพบทุจริตในศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดอื่นๆ รวมถึงนิคมสร้างตนเอง ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงอีกหลายแห่ง และพบลักษณะขบวนการเงินทอนกลับมาที่ส่วนกลาง

กระทั่งนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งโยกย้าย นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัด พม. และนายณรงค์ คงคำ รองปลัด พม. ไปช่วยราชการชั่วคราวที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ หลังจาก ป.ป.ท.เดินหน้าตรวจสอบอย่างเข้มข้น คู่ขนานไปกับ พม.ที่สั่งสอบข้อเท็จจริงและสอบวินัยข้าราชการ 26 คน รวมนายพุฒิพัฒน์และนายณรงค์ด้วย และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการอายัดทรัพย์ปลัด พม.พร้อมพวกรวม 88 ล้านบาท

เข้าสู่ช่วงเดือนมิถุนายนที่ พม.เตรียมประกาศผลสอบวินัย นายพุฒิพัฒน์ตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการดื่มไวน์ผสมยาพิษ กับแฟนที่บ้านพักแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี และทิ้งจดหมายลาตายมีข้อความว่า “ผมไม่ได้ร่วมมือกับเขา” แต่ด้วยมีพยานและหลักฐานมัดแน่น จึงถูก อ.ก.พ.กระทรวง พม.พิจารณาโทษไล่ออกอยู่ดี

ขณะที่พวกอีก 25 ราย ซึ่งมีตั้งแต่รองปลัด ผู้ตรวจราชการ ผู้อำนวยการศูนย์ก็ถูกไล่ออก-ให้ออกไปตามๆ กัน พม.จึงปฏิรูประบบสงเคราะห์ครั้งใหญ่ เปลี่ยนจากถือเงินสดมาจ่ายตรงผ่านบัญชีธนาคารแทน

ส่วนการพิจารณาจ่ายเงิน ก็เปลี่ยนจาก ผอ.ศูนย์คนเดียวมาใช้รูปแบบคณะกรรมการวันโฮม ที่มีภาคส่วนต่างๆ ของ พม.ในจังหวัดมาร่วมพิจารณาแทน

ช็อกโลก‘เสี่ยวิชัย’ฮ.ตก

กลางดึกของวันที่ 27 ตุลาคม ที่บริเวณคิงเพาเวอร์ สเตเดียม สนามเหย้าของสโมสร “เลสเตอร์ ซิตี้” ทีมฟุตบอลในประเทศอังกฤษ มีเหตุการณ์ช็อกโลกเกิดขึ้น เมื่อเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งเกิดอุบัติเหตุตกลงบริเวณลานโล่งไม่ห่างจากสนามแข่งขัน ไฟไหม้ลุกท่วมบริเวณ ก่อนที่มีการยืนยันว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” เจ้าของกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ชาวไทย

ช่วงที่เฮลิคอปเตอร์เพิ่งตกนั้น ยังไม่มีการยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิต แต่รุ่งเช้า ตำรวจของเมืองเลสเตอร์ได้ยืนยันรายชื่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ 5 ราย ได้แก่ วิชัย, นุสรา สุขหน้าไม้, กวีพร พรรณแพร ซึ่งเป็นคณะทำงานของนายวิชัย อีก 2 คน คือ “เอริค สวัฟเฟอร์, อิซาเบล่า โรซ่า เลโชวิช” นักบินที่ทำหน้าที่ในเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น

หลังจากที่มีการแถลงการณ์จากเลสเตอร์ ซิตี้ โลกฟุตบอลต่างร่ำไห้และไว้อาลัยต่อการจากไปของบุคคลทั้ง 5 อย่างสุดซึ้ง ส่วนนักเตะของทีมจิ้งจอกสยามช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนขอเลื่อนเกมเตะทั้งของทีมชุดใหญ่ ทีมหญิงและทีมสำรองออกไป เพราะยังไม่มีใจที่จะลงแข่งขัน

ร่างของวิชัยถูกนำกลับมาถึงประเทศไทย ในวันที่ 2 พฤศจิกายน และนำไปบำเพ็ญกุศลที่ศาลากวีนิรมิต (กลางน้ำ) วัดเทพศิรินทราวาสวรวิหาร โดยมีคนดังทุกวงการร่วมงานอย่างคับคั่งตลอดทุกวันที่มีการสวดพระอภิธรรม ระหว่างวันที่ 3-9 พฤศจิกายน นักเตะและสต๊าฟโค้ชเลสเตอร์ ซิตี้ ได้เดินทางมาร่วมอำลาประธานอันเป็นที่รักกันพร้อมหน้าพร้อมตา ก่อนจะเก็บศพไว้ 100 วัน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เฮลิคอปเตอร์ขัดข้องจนตกลงมานั้น สำนักงานสืบสวนอุบัติภัยทางอากาศแห่งสหราชอาณาจักร (เอเอไอบี) ระบุว่า พบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่เชื่อมต่อระหว่างแป้นเหยียบของนักบินกับใบพัดหางหลุดออกจากกัน

และพบน้ำมันหล่อลื่นเคลือบอยู่บนชิ้นส่วนหนึ่ง ระบบการทำงานที่ผิดพลาดทำให้ใบพัดหางหมุนผิดจังหวะ เมื่อถึงจุดหนึ่งใบพัดจึงรับไม่ไหวจนเสียการควบคุม

อย่างไรก็ตาม หลังการจากไปของเสี่ยวิชัย มีคำสดุดีมากมายถึงตัวเขา สิ่งที่ทำให้คนหลายล้านคนจำเขาได้ คือ การเป็นส่วนสำคัญในการพาเลสเตอร์ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้แบบสุดมหัศจรรย์ เมื่อฤดูกาล 2015-2016

จนได้รับฉายาว่า The Impossible Man หรือ ผู้สร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ได้เสมอ

สิทธิบัตรกัญชา-ล็อกที่ไม่ถูกปลด

การผลักดันกัญชาที่ถูกขึ้นบัญชียาเสพติดประเภท 5 อย่างต่อเนื่อง ผ่านเครือข่ายภาคประชาชน เอ็นจีโอ และนักวิชาการทางการแพทย์ มีเป้าหมายนำสารสกัดจากกัญชามาใช้ประโยชน์ด้านการวิจัยและการแพทย์สำหรับการรักษาผู้ป่วย

กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา แม้จะผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รอเพียงประกาศราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้เป็นทางการ

เนื้อหาสาระหลักคือ ให้กัญชาและกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดประเภท 5 สามารถนำไปศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสามารถนำไปใช้รักษาโรค ภายใต้การควบคุมและดูแลทางการแพทย์ได้

ด้านหนึ่งอาจมองว่ามีการคลี่คลาย ให้นำกัญชามาใช้ประโยชน์ได้โดยถูกกฎหมาย

แต่ปมใหญ่ที่ส่อเค้าจะเป็นปัญหามากกว่าในอนาคตกลับยังไม่ถูกปลดล็อก

นั่นคือการที่บริษัทต่างชาติยื่นคำขอจดสิทธิบัตรกัญชา ยังค้างคาอยู่ในการพิจารณาของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งที่มีการเรียกร้องของเครือข่ายภาคประชาชน และนักวิชาการไทย ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญายกเลิกการรับคำขอดังกล่าว

ด้วยเหตุผลว่า เป็นการยื่นในระหว่างที่กัญชายังเป็นยาเสพติดประเภท 5 จึงถือเป็นการยื่นที่ผิดกฎหมายไปด้วย ไม่สามารถยื่นขอจดสิทธิบัตรตั้งแต่ต้น

ในเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติผ่านความเห็นชอบ “คลายล็อก” พืชกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เท่ากับเป็นการฟอกให้กับการยื่นขอจดสิทธิบัตรก่อนหน้านั้น กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย

ปัญหาสำคัญ หากที่สุดแล้วกรมทรัพย์สินทางปัญญารับจดสิทธิบัตรให้กับบริษัทต่างชาติ ได้สิทธิผูกขาดการทดลอง การผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชาในการรักษาผู้ป่วย

วงการแพทย์ไทย ประชาชนไทย จะสูญเสียโอกาสและประโยชน์มหาศาล

ดังนั้นต้องจับตาภายหลังเทศกาลปีใหม่ กรมทรัพย์สินทางปัญญาในฐานะหน่วยงานพิจารณาอนุญาตจดสิทธิบัตรจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกเรื่องนี้

โดยมีผลประโยชน์ของชาติเป็นเดิมพัน!?

ฆ่า‘เสือดำ-หมีขอ’รอวันพิสูจน์

กลายเป็นข่าวฮือฮาได้อย่างไม่น่าเชื่อว่า คนระดับ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จะถูกจับกุม พร้อมพวกอีก 3 คน คดีล่าสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธุ์ 2561

ภาพที่ปรากฏคือ นายเปรมชัยกางเต็นท์อยู่ในป่า มีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบริเวณแคมป์ที่พัก พบซากเสือดำถูกชำแหละในจุดไม่ไกลจากที่พักมากนัก

แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีการขยายผลไปตรวจสอบถึงบ้านพักนายเปรมชัย พบงาช้างต้องสงสัยผิดกฎหมาย

ใครจะคิดว่านักธุรกิจใหญ่ระดับนายเปรมชัยจะถูกจับด้วยข้อหาดังกล่าวได้

ล่าสุดศาลได้นัดสืบพยานทั้งฝ่ายโจทย์และจำเลย เสร็จเรียบร้อยแล้ว

และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 มีนาคม 2562 เวลา 09.00 น.

ทั้งนี้ทั้งนั้นได้เกิดกระแสในโลกโซเชียลพยายามกระตุ้นเตือนไม่ให้คดีนี้เงียบหายไป เพราะเกรงว่าเสือดำเคราะห์ร้ายตัวนั้นจะตายฟรี

เป็นการจุดกระแสอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่าให้ตื่นตัวกันมากขึ้น

แค่นั้นยังไม่พอ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2561 ยังเกิดเหตุการณ์คล้ายกันขึ้นมา เมื่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี
ตรวจสอบกลุ่มรถออฟโรดเข้าไปในพื้นที่อุทยานฯ ไทรโยค โดยไม่ได้รับอนุญาต พบว่าภายในรถคันหนึ่งมีอาวุธปืนไรเฟิล เครื่องกระสุน รวมถึงอุ้งตีนหมีขอ ซุกซ่อนไว้ จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวนเบื้องต้น พร้อมแจ้ง 9 ข้อกล่าวหา

ตรวจสอบบุคคลพบเป็นชาย 9 คน หญิง 2 คน เด็ก 4 คน หนึ่งในนั้นมีนายวัชรชัย สมีรักษ์ หรือปลัดแมน ปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ย และ อส.แต่ทั้งหมดปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวว่ามีพฤติกรรมการล่าสัตว์ป่าจริงหรือไม่

เป็นอีกข้อสังสัยกรณีที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ผู้มีฐานะทางสังคมยังคงมีความเชื่อเรื่องการล่าสัตว์ป่าอีกหรือ ท่ามกลางกระแสการคุ้มครองสัตว์ป่า เพื่อรักษาชีวิตให้อยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้อย่างเท่าเทียมกันในระดับสากล

โศกนาฏกรรมเรือล่ม47ศพ

เหตุการณ์เรือท่องเที่ยว 2 ชั้น “ฟีนิกซ์ ไดร์วิ่ง” ล่มและจมน้ำ บริเวณเกาะเฮ หมู่ 3 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของประเทศไทย

ซึ่งนอกจากจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากแล้ว ยังส่งกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยจำนวนมาก

ก่อนเกิดเหตุเรือฟีนิกซ์ ไดร์วิ่ง กำลังเดินทางจากเกาะราชา กลับมายังท่าเรืออ่าวฉลอง มีนายสมจริง บุญธรรม เป็นกัปตันเรือ บรรทุกผู้โดยสาร 105 คน ประกอบด้วยนักท่องเที่ยว 93 คน และไกด์นำเที่ยว 12 คน เมื่อมาถึงบริเวณเกาะเฮ ได้เกิดพายุฉับพลัน ทำให้เรืออับปางจมน้ำ

เบื้องต้นมีเรือประมงที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเข้าช่วยเหลือผู้โดยสาร 48 คนขึ้นจากน้ำ ต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหาร ตำรวจ หน่วยงานกู้ภัย ได้ระดมกำลังเข้าค้นหาและช่วยเหลือ นอกจากนี้ สถานกงสุล เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยที่ส่งชุดกู้ภัยใต้น้ำ มาร่วมค้นหา
ก่อนจะได้ข้อสรุปว่า มีผู้เสียชีวิตรวม 47 ศพ โดยศพที่ 47 ติดอยู่ในเรือ เจ้าหน้าที่กู้ร่างขึ้นมาได้เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม หลังเหตุการณ์ผ่านไป 10 วัน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีน ยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวไทย นอกจากจะเศร้าโศกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนหนึ่งมองว่า มาจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่า “เป็นเรื่องที่คนจีนทำนักท่องเที่ยวจีนเอง สร้างเรือเอง ไม่ทำตามกฎของเรา แล้วจะให้เราเรียกอะไร ก็มันเป็นเรื่องของเขา” ทำให้คนจีนจำนวนมากแสดงความ
ไม่พอใจ ซึ่งต่อมา พล.อ.ประวิตรได้ออกมาขอโทษ และระบุว่า เป็นการพูดตามที่ได้รับรายงานมา

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 ทีมปฏิบัติการกู้เรือฟีนิกซ์ ไดร์วิ่ง ได้ใช้สะลิงดึงซากเรือจากความลึก 45 เมตรขึ้นสู่ผิวน้ำได้สำเร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างพิสูจน์หลักฐานและตรวจสอบ เพื่อสาเหตุเรือล่ม ว่ามีการต่อเรือที่ถูกต้องหรือไม่ และใครเกี่ยวข้องบ้าง เพื่อใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมในครั้งนี้

รัฐบาลจัดโปร-แจกสะบัด

ตลอดทั้งปี 2561 รัฐบาลมีมาตการแจกแหลกสำหรับคนจน ผู้มีรายได้น้อย 14.5 ล้านคน ใช้เงินสูงกว่า 1.16 แสนล้านล้านบาท แบ่งเป็นแจกปกติประจำปี สำหรับซื้อสินค้าร้านธงฟ้า ขึ้นรถ บขส. และรถไฟ รถไฟฟ้า คิดเป็นเงินกว่า 4.19 หมื่นล้านบาทต่อปี หลังจากนั้นมีมาตรการฝึกอาชีพ จูงใจด้วยการให้เงินสำหรับผู้เข้ามาร่วมโครงการคนละ 200 บาท และ 300 บาทต่อเดือนตามระดับรายได้ เป็นเวลา 10 เดือน ใช้งบประมาณกว่า 3.56 หมื่นล้านบาท สิ้นสุดไปแล้วเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

ของขวัญปีใหม่คนจน ทั้งแจกเงิน 500 บาททุกคน ช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ ให้ค่ารถคนแก่ไปหาหมอ ช่วยค่าเช่าบ้าน เป็นวงเงินรวม 3.87 หมื่นล้านบาท
มาตรการของขวัญปีใหม่เกิดกระแสฮือฮาโดยเฉพาะเงิน 500 บาทแจกครั้งเดียว ทำให้คนจนได้รับเงินแห่ไปกดเงินยังตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยจนระบบล่ม

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังใจดีแจกเงินให้ข้าราชการบำนาญ กว่า 2 แสนคน เป็นเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยกลุ่มที่ได้รับบำนาญไม่ถึง 1 หมื่นบาทต่อเดือน เพิ่มเป็น 1 หมื่นบาทต่อเดือน

นอกจากนี้ ขยายเพดานของวงเงินบำเหน็จดำรงชีพให้แก่ผู้รับบำนาญซึ่งมีอายุตั้งแต่ 70 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เพิ่มอีก 1 แสนบาท

รวมถึงในเดือนธันวาคม มีมติ ครม.ให้แจกเงินชาวสวนยางไร่ละ 1,800 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ มีเกษตรกรชาวสวนขึ้นทะเบียนไว้ประมาณ 1.4 ล้านราย ใช้เงิน 1.8 หมื่นล้านบาท

มาตรการข้างต้นเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากทำช่วงใกล้เลือกตั้ง แม้ทางฝ่ายรัฐบาลปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ใช่ แต่เป็นการช่วยกลุ่มคนที่กำลังลำบาก แต่กลุ่มการเมือง และนักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ออกมาวิจารณ์ว่าการแจกเงินดังกล่าวถือเป็นการซื้อเสียงทางการเมืองระดับประเทศ และหวังผลทางการเมือง 100%

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image