แนวรบ ตปท. แนวรบ หนักหน่วง สถานการณ์ไม่เปลี่ยน

หนึ่งในความหนักใจของ คสช. และรัฐบาล

ก็คือการชี้แจงทำความเข้าใจกับรัฐบาลและองค์กร-องค์การระหว่างประเทศ

ความหนักใจนี้เหมือนจะไม่ได้ลดลง นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา

จากเรื่องนั้นเป็นเรื่องนี้ จากสถานการณ์เก่าไปสู่สถานการณ์ใหม่

Advertisement

ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม

ล่าสุด นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย จะรายงานและชี้แจงต่อสมาชิกสหประชาติ (ยูเอ็น) 14 ประเทศ เรื่องรายงานการทบทวนสิทธิมนุษยชนของประเทศตามกลไก Universal Periodic Review (UPR) รอบที่ 2

ในการประชุมคณะทำงานยูพีอาร์แห่งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ช่วงบ่ายวันที่ 11 พฤษภาคม ตามเวลาประเทศไทย

Advertisement

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เชื่อมั่นว่า ไม่มีอะไร เราพยายามแก้ไขปัญหาบ้านเมืองของเราบนพื้นฐานของบริบทในกรอบปัญหาของเรา

ทุกประเทศมีความเป็นสิทธิมนุษยชนเท่าเทียมกันหมด ด้วยความที่เป็นประเทศที่ไม่เหมือนกัน แต่ว่าอะไรที่จะนำพาบ้านเมืองไปสู่ความสงบเรียบร้อย การปฏิรูปที่จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยได้ ต้องทำแบบนั้นเสียก่อน

แต่อาจไม่มีลักษณะความเป็นสากลอยู่

สิ่งที่รัฐบาล คสช.พยายามจัดระบบให้สงบเรียบร้อยขึ้นมา ก็จำเป็นอยู่บ้างที่ข้อกำหนดกฎเกณฑ์ใช้เฉพาะเราเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ไม่ได้ทำตลอดไป หลายประเทศก็ทำกัน มันคือความจำเป็นของเฉพาะประเทศนั้นๆ

“และประเทศนี้ใหญ่พอสมควร ใหญ่มากด้วยซ้ำ

“เราต้องกล้าไปเผชิญ กล้าไปพูดในสังคมโลก กล้าไปบอกความจริง เราถึงเดินยืดอกเข้าไปเพื่อชี้แจงให้เขารับทราบว่าบ้านเมืองผมจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพื่อให้บ้านเมืองดีขึ้น แล้วมันผูกขาดไปชั่วกัปชั่วกัลป์ที่ไหนเล่า

“ผมไม่ได้ทำให้สังคมโลกเสื่อมเสียอะไร”

วันเดียวกัน นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ออกมาพูดว่ามีคนนำข้อมูลผิดๆ ไปส่งให้ต่างชาติจึงทำให้ต่างชาติไม่เข้าใจประเทศไทยนั้น

ต้องบอกให้ท่านนายกฯรู้ครับว่า สื่อต่างชาติในประเทศไทยมีเกือบทุกสื่อทุกแขนง เขาก็รายงานข้อเท็จจริงกลับไปประเทศของเขาเอง

ทุกวันนี้ในโลกโซเชียลมีเดียก็มีความรวดเร็วมาก อะไรที่เกิดขึ้นในไทยเราเขาก็รับรู้กันทั่วไปหมด เพราะฉะนั้น การที่จะปิดบังเขาไว้ก็คงทำได้ยากลำบากกว่าในอดีต

รัฐบาลจะใช้วิธีการใดๆ ชี้แจงให้ต่างชาติเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเราก็ทำไป แต่ขอให้ยึดความจริงเอาไว้อย่าไปโกหกเขาก็แล้วกัน

เพราะเขาจะรู้ทันเราหมดทุกเรื่อง

ถ้ามุมของอดีตรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยฟังดูเหมือนฝ่ายค้าน “ขาประจำ”

ลองพิจารณาคำแถลงของ นางคาทินา อดัมส์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม

เรื่องการจับกุม น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ มารดาของ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ที่ระบุว่า

“การดำเนินการดังกล่าวสร้างบรรยากาศของการข่มขู่คุกคามและการเซ็นเซอร์ตัวเอง

“เราห่วงกังวลการจับกุมประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ และการจับกุม น.ส.พัฒน์นรี”

เพราะการจับกุมและการคุกคามนักเคลื่อนไหวและสมาชิกครอบครัว เพิ่มความกังวลในเรื่องการปฏิบัติตามพันธะด้านการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกที่ไทยให้ไว้กับนานาชาติ

หากพิจารณาว่าคำแถลงของรัฐบาลสหรัฐดังกล่าวมีขึ้นหลังวันที่ 8 พฤษภาคมที่ศาลทหารอนุมัติปล่อยตัว น.ส.พัฒน์นรีแล้ว ยิ่งเป็นประเด็นน่าสนใจ

ว่าถึงจะจับแล้ว แต่ก็ปล่อยแล้ว

ทำไมความกังวลใจจึงยังคงอยู่

ทำไมจึงแสดงออกอย่างเปิดเผยให้รับรู้

และความกังวลนี้เกิดขึ้นที่สหรัฐเท่านั้นหรือไม่

แนวรบด้านต่างประเทศเหตุการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง

ยังเป็นเรื่องน่าหนักใจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image