จะถอนฟ้องหรือไม่ถอนฟ้อง อยู่ที่ความเที่ยงธรรม

แฟ้มภาพ

การที่ นายเมธี ครองแก้ว อดีตเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีมติแจ้งข้อกล่าวหา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ, พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธานและว่าจ้างสภาทนายความ ฟ้องคดีนี้ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและมีผู้มีส่วนได้เสีย ที่มีมติชี้มูลความผิด โดยเสนอความเห็นให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่ ยุติการพิจารณา ปล่อยให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ดำเนินคดีต่อไป

ความเห็นของนายเมธี ย่อมสร้างความสับสนให้ประชาชนที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ไม่เป็นผลดีต่อการทำงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่ โดยผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ขอให้ทบทวนมติการชี้มูล โดยมีพยานหลักฐานใหม่ หากผลการทบทวนปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ทำผิดก็ขอให้ถอนฟ้องคดี เพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาตามกระบวนการยุติธรรม

จึงขอเสนอข้อโต้แย้งความเห็นของนายเมธี ครองแก้ว ที่เขียนบทความชี้ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่ ยุติการพิจารณา เพื่อให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯพิจารณาต่อไป ด้วยเหตุผลดังนี้

1.นายเมธีเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ชุดเดิมที่ชี้มูลความผิด กรณีสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง ต้องรับผิดชอบหากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่ พิจารณาข้อเท็จจริง, ข้อกฎหมายและพยานหลักฐานใหม่ มีมติเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีความผิด สมควรถอนฟ้องคดีออกจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

Advertisement

2.นายเมธีไม่ได้นำความเห็นของอัยการสูงสุด, คำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ 1605/2551 ที่วินิจฉัยว่า การกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมผิดกฎหมาย ไม่สงบ และมีอาวุธ, ความเห็นของ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล (อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา) กรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างน้อยที่เห็นว่าไม่มีความผิด, รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการอิสระ โดยประธานคณะกรรมการฯเป็นอดีตรองประธานศาลฎีกา, รองประธานศาลปกครองสูงสุด ตั้งโดยคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 237/2551, คำสั่ง คสช.ฉบับที่ 93/2557 และเปรียบเทียบเหตุการณ์สลายการชุมนุมของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เมื่อปี 2553 มาประกอบการให้ความเห็นต่อสาธารณชน

3.นายเมธีไม่ได้เป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่ จึงไม่ทราบว่าผู้ถูกกล่าวหาร้องขอความเป็นธรรมอย่างไร มีพยานหลักฐานใหม่ อย่างไรบ้าง

4.นายเมธีทราบดีว่าระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าด้วยประมวลจริยธรรมฯ ในการไต่สวน ข้อ 29 ป.ป.ช.ต้องรวบรวมพยานหลักฐานที่อาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา ดังนั้น จะต้องไม่กดดันการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตามประมวลจริยธรรมฯ ข้อ 31 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรม เพื่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช. เมื่อ ป.ป.ช.ชุดใหม่ มีมติอย่างไร เป็นความรับผิดชอบของ ป.ป.ช.ชุดใหม่ ต้องชี้แจงเหตุและผลให้ประชาชนเข้าใจ

Advertisement

5.นายเมธี ปัจจุบันเป็นกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิ ตำแหน่งดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการยุติธรรม พ.ศ.2543 บัญญัติให้คณะกรรมการ ก.ต. มีอำนาจหน้าที่แต่งตั้ง โยกย้าย การเลื่อนตำแหน่งตุลาการทุกตำแหน่ง (ศาลฎีกา, ศาลอุทธรณ์ และศาลชั้นต้น) รวมทั้งองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯด้วย ดังนั้น นายเมธีเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ให้คุณให้โทษผู้พิพากษา จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการถอนฟ้อง หรือไม่ถอนฟ้อง เพราะมีผลโดยตรงกับการพิจารณาคดีนี้ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ หากคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้ถอนฟ้อง จะต้องยื่นคำร้องขอถอนฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ มีผลต่อการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ

ด้วยเหตุผลต่างๆ ดังกล่าว จึงขอให้ประชาชนนำมาประกอบการพิจารณาด้วยความเป็นธรรม ด้วยความเชื่อมั่นในความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบของ ป.ป.ช. ในการวินิจฉัยคดีต่างๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image