องค์กรตำรวจใหญ่โต มีกำลังพลมากมาย มีเครือข่ายกว้างขวางยิ่งกว่าใยแมงมุม จนกล่าวกันว่าทุกตารางนิ้วของประเทศมีตำรวจรับผิดชอบดูแลให้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ความจริงเป็นเช่นนั้น “ส่วนหนึ่ง”
แต่อีก “หลายส่วน” ของความจริงไม่ได้งดงามอย่างที่ว่า
องค์กรตำรวจถูกหยิบขึ้นมาชำแหละทุกครั้งภายหลังรัฐประหาร คล้ายเป็นองค์กรที่มีปัญหาหมักหมมพอกพูนซึ่งถ้าเป็นธุรกิจเอกชนก็น่าจะถึงขั้นใกล้ล้มละลาย
รัฐประหารครั้งล่าสุดที่ชูธง “ปฏิรูปการเลือกตั้ง” ก็จะปฏิรูปตำรวจกันอีก
ปฏิรูปจนตำรวจสิ้นเนื้อประดา !
ปฏิรูปจนเจียนจะไม่เหลือตำรวจอยู่ตามโรงพัก
มีแต่คิดจะเพิ่มหน่วยงาน ตั้งแต่กองบัญชาการ กองบังคับการ กองกำกับการต่างๆ กันคึกคักอักโข ไม่เห็นจะมีใครทุ่มความสนใจโรงพัก ซึ่งจำเป็นจะต้องมีกำลังตำรวจเพียงพอเพื่อดูแลทุกข์สุขประชาชน
ที่ย่ำแย่ลงไปอีกคือ เวลานี้ตำรวจตามโรงพักกำลังพากันหนีงานหนัก สมัครใจย้ายออกไปอยู่ตามสำนักงานที่งานสบาย หรือหน่วยที่ไม่ยุ่งเหยิงด้วยสารพัดปัญหาจากพื้นที่
จึงไม่มีอีกแล้วที่จะว่า “หลับเถิดประชา-ตำรวจกล้าจะคุ้มภัย”
ถ้าจะมีก็แต่ “สุขกันเถอะนาย-ข้าฯตำรวจจะรับใช้”
ตำรวจกล้าพากันไปยืนหน้าสลอน “หน้าบ้านนาย” ตั้งแต่ตี 4 ตี 5 !
ไม่มีการปฏิรูป ไม่มีการพัฒนา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
ที่เคยอวดกันว่า กำลังพลตำรวจไทยมีอัตรา 1 ต่อประชาชน 300 คนนั้น “ของจริง”คนจริงที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ คือตำรวจ 1 นาย ต่อประชาชน 800-1,000 คน
ที่สถานีตำรวจ ซึ่งขาดแคลนทุกด้าน มีแต่คำสั่งหลั่งไหลลงมากับงานท่วมทับทวี
แม้แต่อัตราตำรวจชั้นประทวนก็บรรจุให้ไม่ครบ งบประมาณทำงานก็ไม่มี
แต่ “นาย” เรียงลำดับขึ้นไปทุกระดับยังต้องการครบถ้วนเหมือนเดิม
จึงได้อึงคะนึงไปด้วยเสียงพร่ำบ่นว่า “ไม่มีใครรักและหวังดีกับตำรวจจริงๆ”
แต่เคยทบทวนกันบ้างหรือไม่?
ถ้าคนเป็น “นาย” มีความหมายแค่ผ่านมาเอา “ตำแหน่ง” แล้วก็ผ่านไป ไม่ได้รักห่วงใยลูกน้อง ไม่ได้มุ่งมาพัฒนาองค์กร ผู้ใต้บังคับบัญชาก็หวานอมขมกลืน
เพื่อนไม่ได้รักเพื่อน ตำรวจไม่ได้รักตำรวจด้วยกัน
แล้วประชาชนยังจะหวังสิ่งใด!?!!