ดูเหมือนว่าสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของปี 2562 นี้ จะน่าเป็นห่วงกว่าที่คิด ทุกคนจึงไม่ควรตั้งอยู่บนความประมาท
เพราะสัญญาณอันตรายที่แสดงให้เห็น ไม่เพียงแต่ตัวเลขการส่งออกเดือนมกราคม เดือนแรกของปีจะติดลบไป 7.5% จากผลกระทบสถานการณ์สงครามการค้าโลก
แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ออกมาเตือนอีกครั้งว่า
“แนวโน้มเศรษฐกิจปีนี้มีทิศทางที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องประมาณการไว้อยู่แล้ว เพราะตั้งแต่ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกก็มีทิศทางชะลอลง
เพราะความผันผวนเกิดขึ้นตลอดเวลาโดยเฉพาะปัจจัยต่างประเทศ
สถานการณ์ระหว่างอินเดียและปากีสถานก็เป็นตัวอย่างทำให้โลกอยู่ในภาวะผันผวนมากขึ้น มีเหตุการณ์ไม่แน่นอนมากขึ้น
ดังนั้นหากดูเศรษฐกิจไทยเรา ก็เชื่อว่ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องแม้ชะลอลงจากปีก่อน
แต่ประเด็นสำคัญคือมีปัจจัยเสี่ยงจากนอกประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ไม่คาดคิดมาก่อน
จะมีผลเชื่อมโยงกันและกระทบกับเศรษฐกิจไทยได้ ดังนั้น การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นเรื่องสำคัญ”
คำเตือนดังกล่าวของผู้ว่าแบงก์ชาติสะท้อนภาพของความน่ากังวลไม่ใช่น้อย
ต้องอย่าลืมว่าหากสถานการณ์โลกเป็นเช่นนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน
เพราะประเทศไทยมีรายได้จากการส่งออกกว่า 80% ของรายได้ทั้งหมด
เมื่อตลาดโลกมีปัญหา ประเทศไทยคงโดนเต็มๆ
ยังไม่นับปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้นในรอบหลายปี ตอนนี้แข็งไปใกล้ๆ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแล้ว
นั่นหมายความว่าภาคการส่งออก จะได้รับผลกระทบไปอีกแรงบวกแบบเต็มๆ
เคยขายของได้ 100 บาท ก็จะลดลงไปจากค่าเงินบาทที่แข็งโป๊กอยู่ในขณะนี้
ยังไม่ใช่แค่นี้ เพราะประเทศไทยยังจะต้องเจอปัญหาหนักเพิ่มขึ้นอีก
นั่นคือสภาพอากาศร้อนและแล้ง ปีนี้ดูเหมือนว่าจะหนักหนาสาหัสไม่น้อยทีเดียว
ยกตัวอย่าง นายเกียรติศักดิ์ หนูแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 บอกว่า
สถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ 5 แห่ง ของ จ.นครราชสีมา ขณะนี้อยู่ในเกณฑ์น้อยกว่าทุกปี
และปีนี้ทางกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าจะเกิดปรากฏการณ์เอลนิโญ จะทำให้เกิดฝนทิ้งช่วงนาน
หากยังจำกันได้ เมื่อปี 2557 ประเทศไทยเคยเจอกับปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรงมาแล้ว
บรรดาเกษตรกรต่างยังคงเข็ดเขี้ยวกับปัญหาภัยแล้งไปตามๆ กัน เพราะวิกฤตครั้งนั้นทำให้พืชผลทางการเกษตรเสียหายจำนวนมาก
ลุกลามไปถึงเรื่องน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ต้องกู้หนี้ยืมสินกันมาขุดบ่อบาดาล จนป่านนี้บางรายยังใช้หนี้ยังไม่หมดเลยก็มี
หลายคนกังวลว่าภัยแล้งปีนี้จะรุนแรงกว่าปี 2557 หรือไม่
ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกมาระบุว่า
ปี 2562 ฤดูร้อนมาเร็วอุณหภูมิสูงกว่าค่าปกติ เกิดจากปรากฏการณ์เอลนิโญเล็กน้อย
คาดการณ์ว่าปริมาณฝนน้อยลงต่ำกว่าค่าปกติเฉลี่ยรอบ 30 ปี ร้อยละ 5 อาทิ
รองอธิบดีกรมอุตุฯสรุปว่า ต้องระวังเรื่องภัยแล้งอย่างใกล้ชิด ภาครัฐต้องเตรียมตัวการบริหารจัดการน้ำ
ภัยแล้งน่าเป็นห่วงทุกภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก
ดังนั้นเมื่อเกิดภัยแล้ง และสภาพอากาศร้อนเกิดขึ้น จึงจะมาซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว
ยังไม่นับรวมสถานการณ์ทางการเมืองหลังเลือกตั้ง ยังไม่รู้ว่าจะทำให้เกิดความสงบในบ้านเมืองได้หรือไม่
จึงดูเหมือนเป็นการตอกย้ำว่าปีนี้สถานการณ์จะหนักหนากว่าที่คิด
และในเมื่อประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ กำลังจะมีการเลือกตั้ง
เป็นช่วงสุญญากาศ ไม่มีรัฐบาลทำหน้าที่บริหารประเทศได้เต็มที่
การจะออกนโยบายเรื่องสำคัญต่างๆ ยังไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ
ดังนั้นภาคราชการจึงเป็นที่พึ่งของประชาชนในยามนี้
เป็นความหวังของประชาชน เพื่อคอยทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน
ข้าราชการจะต้องทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ อย่าให้เกิดสถานการณ์ “เกียร์ว่าง”
ทำหน้าที่ไปวันๆ เพื่อรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามา
เพราะปัญหาของประชาชนที่กำลังเดือดร้อนไม่สามารถรอได้
รัฐบาลพรรคไหนใครจะไปใครจะมาไม่สำคัญ
ขอให้พรรคข้าราชการ ที่มีคนบอกว่าเป็นพรรคที่สำคัญที่สุด
เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ก็พอแล้ว
สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา