เข้าใจได้ว่านาทีนี้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แม้จะได้เปรียบคู่แข่งทางการเมืองทุกประตู หรือแม้จะเคยทะนงว่า “แน่” แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ “ยังไม่แน่”
เมื่อมี “ความไม่แน่นอน” ก็จำเป็นจะต้อง “ดิ้น”
แกนนำ พปชร.วางแผนเอาตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาจากหลังฉาก ไม่ให้แอบอยู่ข้างหลังอีกต่อไป
แต่การเอา “ประยุทธ์” ไปลงตระเวนในพื้นที่ ไปขึ้นเวทีปราศรัยนั้น เท่ากับว่าเอา “ประยุทธ์” ไปเปลือยเปล่ากลางทุ่งกว้าง!
สะท้อนความจริงว่า เนื้อแท้ของ “พปชร.” ที่ประกอบกำลังกันขึ้นมาใหม่นี้ไม่ได้มีอะไรเป็นความโดดเด่นที่สามารถเรียก “คะแนนนิยม” ได้ นอกเสียจาก “กติกาที่ได้เปรียบ” กับ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่พรรคเสนอเป็น “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรี
เมื่อเป็นเช่นนี้ คำถามก็ตามมาว่า ตกลงที่ “คสช.” ใช้กำลังพลรบและอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพเข้ายึดอำนาจนั้น มีจุดประสงค์ในสิ่งใด
ทำไม? มาแล้วไม่กลับไป
“คสช.” ยึดอำนาจเสร็จก็แต่งตั้งคนเขียนกติกา
ได้ “รัฐธรรมนูญ 2560” ที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล้าประกาศบนเวทีพรรคพลังประชารัฐว่า “รัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา”
ให้ “คสช.” แต่งตั้ง ส.ว. 250 คน
ให้ ส.ว.ที่ คสช.แต่งตั้ง 250 คน โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้
จากนั้น “รัฐมนตรี” ในรัฐบาล คสช.ก็ตั้งพรรค “พปชร.”
แล้ว “พปชร.” ก็เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
ระหว่างที่ยังไม่ถึงวันเลือกตั้งนี้ มีอะไร?
พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็น 1.นายกรัฐมนตรี 2.หัวหน้า คสช. และ 3.แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็ให้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม “ลูกพี่ใหญ่” เป็นประธานคัดเลือก ส.ว. 250 คน
คล้ายวกไปวนมา
แต่ที่จริงเหมือน “เส้นตรง” ไม่สลับซับซ้อน
“คสช.” ก่อรัฐประหาร-ให้คนเขียนกติกา-ให้ คสช.แต่งตั้ง ส.ว. 250 คน -ให้ ส.ว. 250 คนที่ คสช.แต่งตั้งสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้-หัวหน้า คสช.เป็นแคนดิเดต “นายกฯ” -ให้เลือกตั้ง-ชื่อหัวหน้า คสช.ถูกเสนอให้ ส.ส. 500 คน+ส.ว. 250 คน รวม 750 คน โหวตเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี
เดิมทีเดียวมั่นใจกันว่ามี 250 ส.ว.ตุนอยู่ในมือ ต้องการอีกแค่ 126 เสียงจากการเลือกตั้ง ถนนสู่อำนาจรัฐรอบนี้ก็โรยด้วยดอกกุหลาบ
แต่ถึงเวลานี้ไม่แน่นัก จำต้องลากเอา “ประยุทธ์” มาออกงาน!?!!!
