เดือนพฤษภาคมปีนี้เกิดปาฏิหาริย์ ที่อังกฤษถึง 3 ครั้ง โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

ทีมเจ้าของและผู้สนับสนุนทีมฟุตบอลจิ้งจอกสยาม

ประเทศอังกฤษหรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่าสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland) ในอดีตสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้นอังกฤษคือจักรวรรดิบริติชเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก และเป็นมหาอำนาจโลกชั้นแนวหน้านานกว่าหนึ่งศตวรรษ ใน พ.ศ.2465 จักรวรรดิบริติชปกครองประชากรประมาณกว่าหนึ่งในห้าของประชากรโลกในเวลานั้น ครอบคลุมพื้นที่เกือบหนึ่งในสี่ของพื้นดินทั้งหมดของโลก เป็นผลให้มรดกทางการเมือง กฎหมาย ภาษาและวัฒนธรรมของอังกฤษแผ่ออกไปทั่วโลก ในสมัยที่จักรวรรดิบริติชยิ่งใหญ่ที่สุด มักใช้คำกล่าวว่า “ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินในจักรวรรดิบริติช” เพราะดินแดนที่มีอยู่ทั่วโลกทำให้ดวงอาทิตย์ต้องส่องแสงอยู่บนดินแดนใดดินแดนหนึ่งของจักรวรรดิบริติชตลอดเวลา ซึ่งพื้นฐานของความเป็นมหาอำนาจและความมั่งคั่งของอังกฤษในอดีตนั้นอยู่บนพื้นฐาน 3 ประการคือ

1) การค้าทาส ประมาณการกันว่ามีทาสผิวดำจากทวีปแอฟริกาถูกจับไปขายที่ทวีปอเมริกาประมาณ 11 ล้านคน ซึ่งศูนย์กลางในการค้าทาสของอังกฤษอยู่ที่เมืองบริสตอล ซึ่งเป็นเมืองท่าอยู่ทางทิศหรดีของเกาะบริเตนใหญ่ (เกาะอังกฤษ)

2) การค้าฝิ่น โดยอังกฤษบังคับให้คนอินเดียปลูกฝิ่นแล้วพ่อค้าอังกฤษเอาฝิ่นไปขายที่เมืองจีนจนเกิดสงครามฝิ่นขึ้น แม้แต่สนธิสัญญาเบาริงที่อังกฤษทำกับสยามเองก็บังคับให้สยามยอมให้พ่อค้าฝิ่นชาวอังกฤษนำฝิ่นเข้าขายในสยามได้โดยไม่ต้องเสียภาษี

3) อังกฤษมีกำลังทหารอันมหาศาลได้จากทหารรับจ้างราคาถูกชาวอินเดียที่อังกฤษส่งไปประจำตามอาณานิคมอังกฤษทั่วโลกและเป็นกำลังหลักที่สำคัญที่สุดของอังกฤษในสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง

Advertisement

 

แม้ว่าในปัจจุบันอังกฤษจะกลายเป็นประเทศที่มีเนื้อที่เล็กกว่าประเทศไทยกว่าครึ่ง (สหราชอาณาจักรมีเนื้อที่ 243,610 ตารางกิโลเมตร ส่วนไทยมีเนื้อที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร) แต่การอ้างถึงอดีตจักรวรรดิบริติชอันยิ่งยงนั้นก็เพื่อที่จะชี้ชวนให้เห็นว่าอดีตมีผลต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันโดยเฉพาะปาฏิหาริย์ 3 ครั้งในเดือนพฤษภาคมนี้ที่เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ คือ

1)เมืองบริสตอล ในอดีตเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าทาส บุคคลสำคัญเจ้าของกิจการค้าทาสชื่อนายเอ็ดวาร์ด โคลสตัน ยังมีอนุสาวรีย์และโรงเรียนประจำเมืองที่ตั้งตามชื่อของเขาในฐานะผู้สร้างเมืองบริสตอลให้ยิ่งใหญ่ในอดีต ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเมืองนี้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงแต่ปัจจุบันได้มีโรงงานมากมายมาตั้งอยู่ที่เมืองนี้ และเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียงคองคอร์ดก็ได้สร้างที่เมืองนี้ และเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านนี้ชาวเมืองบริสตอลได้เลือกนายมาร์วิน รีส อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นคนผิวดำที่บิดาเป็นชาวจาเมกาและมารดาเป็นชาวอังกฤษขึ้นเป็นนายกเทศมนตรีซึ่งถือเป็นปาฏิหาริย์ที่บุตรของเชื้อสายของทาสแอฟริกาที่ถูกส่งไปขายที่เกาะจาเมกาได้กลับมาเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองท่าค้าทาสที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษในอดีต

Advertisement

2) ทีมฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้หรือจิ้งจอกสยามที่มีเจ้าของทีมเป็นคนไทย (ประเทศไทยคือประเทศสยามในอดีตที่ถูกอังกฤษบังคับให้รัฐบาลสยามยอมให้อังกฤษนำฝิ่นมาขายในราชอาณาจักรได้โดยไม่ต้องเสียภาษีโดยสัญญาเบาริง) ได้สร้างปาฏิหาริย์ได้เป็นแชมป์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกซึ่งถือว่าเป็นลีกที่สูงสุดของฟุตบอลอาชีพของอังกฤษทั้งๆ ที่ต้นฤดูกาลนี้ทีมจิ้งจอกสยามอยู่ในอันดับรั้งท้ายของพรีเมียร์ลีกมีทีท่าที่จะตกชั้น มิหนำซ้ำทางเจ้าของทีมชาวไทยยังไล่โค้ชและนักเตะคนสำคัญออก 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือลูกชายของโค้ชเนื่องจากนักฟุตบอลเหล่านั้นจัดงานปาร์ตี้ที่มีการกดขี่ทางเพศแก่หญิงไทยในเมืองไทยจนเป็นข่าวฉาวไปทั่ว หลังจากนั้นทางเจ้าของทีมคนไทยยังจ้างโค้ชคนใหม่เป็นชาวอิตาลีชื่อเคลาดิโอ รานิเอรี

ผู้โดนไล่ออกจากการเป็นโค้ชของฟุตบอลทีมชาติกรีซเนื่องจากพาฟุตบอลทีมชาติกรีซไปแพ้ฟุตบอลทีมชาติของเกาะฟาโรห์ที่เป็นทีมฟุตบอลอันดับที่ 187 ของโลกในตอนนั้น ดังนั้นในวงการพนันของอังกฤษ (ซึ่งถูกกฎหมาย) จึงให้อัตราการต่อรอง 5,000-1 ถ้าทีมเลสเตอร์ซิตี้หรือจิ้งจอกสยามได้แชมป์พรีเมียร์ลีก (แบบว่าเป็นการดูถูกดูแคลนอย่างถึงที่สุดเนื่องจากมีอัตราการพนันต่อรองในช่วงเดียวกันนั้นว่าโอกาสที่คนจะได้พบตัวจริงๆ ราชาเพลงร็อกแอนด์โรลล์เอลวิส เพรสลีย์ที่ตายไปตั้งแต่ พ.ศ.2520 ยังแค่ 2,000-1 เลยครับ) แบบว่าโอกาสที่เอลวิสจะฟื้นคืนชีพขึ้นมายังมีทางเป็นไปได้มากกว่าทีมจิ้งจอกสยามจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเสียอีก

(ซ้าย) มาร์วิน รีส นายกเทศมนตรีบริสตอล (ขวา) ซาดิค ข่าน นายกเทศมนตรีมุสลิมของลอนดอน
(ซ้าย) มาร์วิน รีส นายกเทศมนตรีบริสตอล (ขวา) ซาดิค ข่าน นายกเทศมนตรีมุสลิมของลอนดอน

แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นแล้วเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมนี้เอง

3)นายซาดิค ข่าน บุตรของผู้ลี้ภัยชาวปากีสถาน (อาณานิคมอินเดียของอังกฤษ เมื่อได้เอกราชภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวอินเดียก็รบกันเองจนต้องแบ่งออกเป็น 2 ประเทศคือประเทศอินเดียกับประเทศปากีสถาน) ผู้มีอาชีพเป็นคนขับรถประจำทาง และนายซาดิค ข่าน เติบโตมาในชุมชนการเคหะของรัฐ เขาเป็นนักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนวัย 45 ปี จากพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ ชนะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนเหนือนายแซ็ค โกลด์สมิธ มหาเศรษฐีนักสิ่งแวดล้อมจากพรรคอนุรักษนิยม พรรครัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ทำให้นายข่านสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเป็นนายกเทศมนตรีลอนดอนคนแรกที่เป็นชาวมุสลิม และเป็นการปิดฉาก 8 ปีที่พรรคอนุรักษนิยมครองตำแหน่งนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนมาตลอด โดยตำแหน่งนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนนี้ดูแลรับผิดชอบในส่วนของคมนาคม ที่อยู่อาศัย การดูแลความปลอดภัย และการส่งเสริมเศรษฐกิจในกรุงลอนดอน นักธุรกิจท้องถิ่นรายหนึ่งแสดงความเห็นว่า นายข่านจะเป็นตัวแปรที่จะช่วยเชื่อมให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ เนื่องจากตัวเขาเองเป็นทั้งชาวมุสลิม ผู้อพยพ และมาจากกลุ่มผู้ใช้แรงงาน

บุตรผู้อพยพลี้ภัยของชาวมุสลิมจากอดีตอาณานิคมอินเดียของอังกฤษได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีของกรุงลอนดอนเป็นเมืองหลวงของประเทศอังกฤษ และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรปลอนดอนมีประชากรประมาณ 7.5 ล้านคน ลอนดอนเป็นเมืองที่มีศูนย์กลางทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง เป็นผู้นำด้านการเงิน การเมือง การสื่อสาร การบันเทิง แฟชั่น และศิลปะ ในอดีตเป็นเมืองหลวงของโลก เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นเมืองที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก ถือกันว่าเป็นเมืองสากลหลักของโลก จีดีพีของลอนดอนคิดเป็นร้อยละ 19.5 ของสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ

ครับ! นี่ก็เป็นปาฏิหาริย์อีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษในเดือนพฤษภาคมนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image