ที่มา | คอลัมน์สยามประเทศไทย มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
สุนทรภู่ออกบวชลี้ภัยการเมือง ต่อมา ร.3 โปรดให้จำพรรษาอยู่วัดเทพธิดาราม ในกำแพงพระนคร (ตรงประตูผี สำราญราษฎร์) ใกล้ป้อมมหากาฬ
หลังออกพรรษา และรับกฐินแล้ว ไปธุดงค์เมืองสุพรรณ ออกจากวัด(ซึ่งมีคลองหลอดคั่นระหว่างวัดเทพธิดาราม กับวัดราชนัดดาราม อยู่เรียงกัน) ออกเรือไปชานก..ำแพงพระนคร คลองโอ่งอ่าง เยื้องปากคลองมหานาค
มีแมกไม้ขึ้นเต็มสองฝั่งคลอง และมีศาลาท่าน้ำ สุนทรภู่แต่งโคลงนิราศเมืองสุพรรณ พรรณนาว่า
มหานาคชะวากวุ้ง คุ้งคลอง
ชุ่มชื่นรื่นรุกข์สอง ฝั่งน้ำ
ขุกคิดมิตรหมายครอง สัจสวาท ขาดเอย
กล้าตกรกเรื้อซ้ำ โศกทั้งหมางสมร [2]
ขอฝากซากสวาทสร้อย สุนทร
ไว้ที่ท่าสาคร เขตนี้
ศาลาน่าวัดพร พี่ฝาก มากเอย
ใครที่พี่เป็นผี้ พี่ให้อภัยครัน [3]
ก่อนแผ่นดิน ร.3 พื้นที่ในก..ำแพงพระนครด้านตะวันออก เป็นสวนหลวงมีหมากไม้แน่นขนัด ต่อมา ร.3 โปรดให้หักร้างถางพงเพื่อสร้างวัดเทพธิดารามกับวัดราชนัดดาราม แล้วลงเขื่อนไม้ริมคลองโอ่งอ่างไว้ด้วย
ดังนั้น บริเวณด้านนอกซึ่งเป็นชานกำแพงพระนคร ก่อนสมัย ร.3 เป็นพื้นที่ป่าชายน้ำชายเลน ไมมี่บ้านเรือน ถ้าจะมีก็เพิงหมาแหงนชั่วคราวของชาวบ้านหาปลา หรือหาฟืน
แต่นับต่อไปนี้ หลังปรับเปลี่ยนสวนหลวงเป็นที่สร้าง 2 วัด จะเริ่มมีผู้คนไปตั้งบ้านเรือนชานกำแพงพระนคร เพราะในสมัย ร.3 กวาดต้อนเชลยจากบ้านเมืองต่างๆ เข้ามามาก โดยให้ตั้งหลักแหล่งตามที่ว่างเปล่าเป็นหย่อมๆ ไป
คนเหล่านั้นไม่ตั้งบ้านเรือนเป็นหลักแหล่งแน่นอน เพราะยังไม่มั่นใจว่าจะมีชีวิตอยู่รอดอย่างไร?
คนบางส่วนจึงไร้บ้าน แสวงหาอาหารไปตามแหล่งที่มีของกินแล้วไม่ตาย
พยานเรื่องนี้มีในเนื้อร้องเพลงลาวแพน บรรยายความทุกข์ยากของเชลยจากเวียงจัน ไปตีกบหาอึ่งอ่างหาเขียดในทุ่งพระเมรุ (สนามหลวง) ไปท..ำกับข้าวและแกล้มเหล้า เพราะยุคนั้นถ้าไม่มีงานพระเมรุก็เป็นหนองบึงแหล่งอาหารดีเลิศของคนไร้บ้านกลางกรุง