ต้องยอมรับว่า “ภูมิทัศน์” ทางการเมืองได้เปลี่ยนไป พลันที่ผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม สังคมประเทศไทยก็เป็นเหมือนกับการเปลี่ยนผ่านของฤดู
เมื่อฤดูมีการเปลี่ยน เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ต้องเปลี่ยน
จากหน้าหนาวไปยังหน้าร้อนก็เป็นอย่างหนึ่ง ขณะเดียวกัน เมื่อร่องรอยแห่งฝนเริ่มตั้งเค้าก็ต้องมีการตระเตรียมร่มและเสื้อกันฝน
นี่เป็นธรรมดาของธรรมชาติ นี่เป็นธรรมดาของคน
กล่าวในทางการเมืองเด่นชัดยิ่งว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ได้นำสิ่งใหม่และปัจจัยอันสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างสูง
เพราะห่างเหินมา 8 ปี เพราะอยู่ในบรรยากาศอึดอัดมาเกือบ 5 ปี
อย่างน้อยบรรยากาศในห้วงแห่งการหาเสียงก็เป็นสัญญาณเตือน อย่างน้อยการปรากฏขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ก็เป็นเครื่องบ่งบอกว่านี่คือการเลือกตั้งอันจะต้องก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
แต่ดูเหมือนว่าผ่านมา 7 วันหลายคนก็ยังอยู่กับโลกเก่า
ตัวอย่างอันบ่งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและการไม่ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดเป็นอย่างมาก คือ กระบวนการของ กกต. และปฏิกิริยาอันเกิดจากความหงุดหงิดต่อ กกต.
เสียงจาก กกต.เหมือนกับยังจมนิ่งอยู่กับยุค “อนาล็อก”
เสียงอันดังมาจาก คสช. เสียงอันดังมาจาก ผบ.เหล่าทัพ ก็แทบไม่แตกต่างไปจาก กกต. แทบไม่แตกต่างไปจากคนที่ยังอยู่ในโลกเก่า
เป็นโลกหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
นั่นก็คือ ยังเห็นแต่ “คนหน้าเดิม” ในแบบจ่านิว หรือเอกชัย เท่านั้นที่ออกโรง กระทั่งมองข้ามสภาพที่เป็นจริงจาก “นิวโหวตเตอร์” กว่า 7 ล้านคน
นั่นก็คือ มองว่าคนเหล่านี้โยงไปยังพรรคการเมืองบางพรรค
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ปฏิกิริยาของคนเหล่านี้มิได้อยู่ที่สกายวอล์ก มิได้อยู่ที่แยกราชประสงค์ หากแต่อยู่ตามตึกของคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัย
ตรงนี้ต่างหากที่ คสช.และ ผบ.เหล่าทัพมองไม่เห็น หรือมองข้ามไป
เมื่อมองด้วยสายตาแบบเก่า มองด้วยสายตาที่หยุดนิ่ง ไม่ยอมรับต่อปัจจัยใหม่ในทางการเมืองอันเกิดขึ้นและสำแดงตัวในห้วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง
จึงงัดเอา “วิธีการ” แบบเดิมๆ เข้ามาจัดการ
นั่นก็เห็นได้จากการส่งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าสยบ นั่นก็เห็นได้จากการส่งเจ้าหน้าที่ไปป้องปรามตามบ้าน
หากไม่เจอเจ้าตัว ก็มุ่งไปยังพ่อแม่ ผู้ปกครอง
บทสรุปก็คือ มองเห็นว่าเป็นการเคลื่อนไหวของเด็กๆ ไร้เดียงสา อ่อนหัดในทางการเมือง ทั้งๆ ที่ตามกฎหมายพวกเขาเมื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยล้วนมีสิทธิในการออกเสียง ลงคะแนน
แม้กระทั่งที่พรรคอนาคตใหม่ได้มากกว่า 6 ล้านคะแนนก็ไม่รู้สึก
เมื่อมีบทสรุปที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อนไปจากสภาพความเป็นจริงในทางการเมือง กรรมวิธีในการบริหารจัดการกับปัญหาจึงผิดพลาด คลาดเคลื่อนไปด้วย
ใช้วิธีการ “อนาล็อก” กับคนในยุคแห่ง “ดิจิทัล”
คําเตือนโบราณมีมาอย่างยาวนานแล้วตามหลักแห่งธรรมชาติ นั่นก็คือ เมื่อฤดูกาลเปลี่ยน เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาพ
นั่นคือ เรื่องในทางกายภาพ
เมื่อสภาพการณ์ทางการเมืองอันเป็นผลสะเทือนจากการเลือกตั้งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ย่อมเป็นการเปลี่ยนอย่างลึกซึ้งไปถึงรากฐานในทางความคิด
นี่ย่อมเป็นเรื่องทั้งในทางความคิดและในทางการเมือง