ไม่หยุดฝัน โดย ปราปต์ บุนปาน

นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยชวดโอกาสเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน

ทั้งๆ ที่ในปี 2012 และ 2016 หลายฝ่ายเชื่อว่าทีมไทยมีความพร้อม มีความสมบูรณ์ และมีประสบการณ์สุกงอมถึงขีดสุด

ทว่า สุดท้าย ทีมสาวไทยก็ยังเดินทางไปไม่ถึงฝั่งฝัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม

การพลาดหวังหนล่าสุด ณ ประเทศญี่ปุ่น จะส่งผลให้นักวอลเลย์บอลที่ถือเป็น “โกลเด้น เจเนอเรชั่น” ของทีมชาติไทย ซึ่งมีอายุขึ้นต้นด้วยเลข 3 กันเกือบหมดแล้ว

Advertisement

ไม่มีโอกาสที่จะลงแข่งขันในสังเวียนโอลิมปิก แม้เพียงสักครั้งหนึ่งในชีวิต

กรณีเช่นนี้ ทำให้นึกถึงนักฟุตบอลญี่ปุ่น ผู้มีนามว่า “คาซึโยชิ มิอุระ”

มิอุระเป็นนักฟุตบอลที่โด่งดังที่สุดของประเทศญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1990

Advertisement

เขาเป็นทั้ง “ผลผลิต” และหนึ่งใน “แบบอย่าง” ของความใฝ่ฝันทะเยอทะยานที่จะนำพาญี่ปุ่นไปสัมผัสกับความศิวิไลซ์แห่งโลกกีฬาลูกหนัง

ในช่วงวัยรุ่น มิอุระตัดสินใจข้ามน้ำข้ามทะเลไปเริ่มต้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่บราซิล

เขาเคี่ยวกรำตนเองที่อเมริกาใต้อยู่ 7 ปี ก่อนจะกลับมายังประเทศบ้านเกิด พร้อมการถือกำเนิดขึ้นของฟุตบอลอาชีพ “เจลีก”

จากนั้น มิอุระมีโอกาสเดินทางไปค้าแข้งกับสโมสรเจนัว ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพชาวญี่ปุ่นคนแรกในกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จมากนัก

ตรงกันข้ามกับสภาพการณ์ในญี่ปุ่น ที่มิอุระมีสถานะประหนึ่ง “ราชาแห่งวงการฟุตบอล”

ทั้งเพราะการเป็นซุปเปอร์สตาร์ลูกหนังคนแรกของประเทศ, การผงาดขึ้นมาเป็นดาวเด่นในยุคตั้งไข่ของเจลีก รวมถึงการเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกสุดผู้ได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งทวีปเอเชีย

อย่างไรก็ตาม โชคชะตากลับเล่นตลก ให้มิอุระกลายเป็นหนึ่งในยอดนักเตะที่ไม่เคยได้สัมผัสการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

ในยุคที่เจ้าตัวแข็งแกร่งถึงขีดสุด ทีมชาติญี่ปุ่นกลับพลาดโอกาสไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเมื่อปี 1994 เพราะผลต่างประตูได้เสียเป็นรองทีมชาติเกาหลีใต้ ที่ได้สิทธิไปสหรัฐอเมริกา ด้วยฐานะทีมอันดับสองโซนเอเชีย

ในรอบคัดเลือกของฟุตบอลโลก 1998 มิอุระโชว์ฟอร์มช่วงต้นได้ดี แต่มาแผ่วปลาย กระทั่งต้องหลุดออกจากทีมชุดที่เดินทางไปแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศส

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีชื่อเสียงเรียงนามของมิอุระปรากฏอยู่ใน “ประวัติศาสตร์หน้าแรก” ที่ทีมชาติญี่ปุ่นได้เดินลงสู่สนามการฟาดแข้งของฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

อย่างไรก็ดี ชีวิตนักฟุตบอลของมิอุระกลับมิได้ปิดฉากลงด้วยความเศร้าสร้อย โดยไร้ซึ่งความหวังและความใฝ่ฝันใดๆ

เพราะปัจจุบัน มิอุระในวัย 49 ปี ยังคงค้าแข้งกับสโมสรโยโกฮาม่า เอฟซี ทีมระดับดิวิชั่นสองของญี่ปุ่น

ด้วยสถานะดังกล่าว เขาได้เขียน “ประวัติศาสตร์หน้าใหม่” ขึ้นอีกหลายหน้า ทั้งการเป็นนักฟุตบอลที่อายุมากที่สุด ซึ่งยิงประตูได้ในลีกญี่ปุ่น, การเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่มีอายุมากที่สุดในญี่ปุ่น

และสื่อต่างประเทศหลายสำนักคาดการณ์ว่า เขาน่าจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่มีอายุมากที่สุดของโลกในยุคปัจจุบัน

คาซึโยชิ มิอุระ เคยล้มเหลวกับ “ภารกิจสำคัญ” จำนวนหนึ่งในชีวิต

แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่า “ภารกิจสำคัญ” ในชีวิตมนุษย์นั้นไม่ได้มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว ในช่วงเวลาเดียว หากดำรงอยู่อย่างเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ไร้จุดสิ้นสุด

การพลาดโอกาสในสถานการณ์หนึ่ง จึงมิได้หมายความว่า เราจะล้มเหลวในอีกสถานการณ์หนึ่งเสมอไป

นี่คือ “ความหวัง” และ “ความฝัน” ที่มิอุระส่งมอบมาถึงนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย

ตลอดจนผู้คนจำนวนมาก ซึ่งกำลังต่อสู้เพื่อ “ความจริง ความงาม ความดี” แบบอื่นๆ นอกสนามกีฬา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image