ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
---|
นั่งคุยกับพรรคพวกกลุ่มหนึ่งที่ติดตามการเมืองใกล้ชิด สัมผัสได้ว่าความห่วงใยเรื่อง “งูเห่าในพรรคการเมือง” กลายเป็นความกังวลรุนแรงว่าจะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ “ประชาธิปไตยไทยไปไม่รอด”
เพราะรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เปิดทางให้ “ส.ส.” ย้ายเข้าพรรคอื่นได้ หากพรรคมีมติไล่ออกจากพรรค
ทำให้เกิดความเชื่อกันว่าจะมีการซื้อ ส.ส.เพื่อให้ยกมือโหวตสนับสนุนในเรื่องที่ต้องการผ่านมติสภา
จะเกิด ส.ส.ที่หากินกับการโหวตต่างๆ ในสภาโดยการแลกกับผลประโยชน์ที่ได้รับ
การโหวตสวนมติพรรคจะเกิดขึ้นตั้งแต่เลือกนายกรัฐมนตรีเป็นต้นไป
และพฤติกรรมโหวตแลกผลประโยชน์เช่นนี้ จะสร้างความเสื่อมทรามให้รัฐสภา ทำให้ “ประชาธิปไตย” ถูกมองว่าเป็นระบอบที่เลวร้ายเป็นช่องทางที่จะใช้อำนาจแสวงผลประโยชน์
พรรคพวกแสดงความเป็นห่วงว่า การเมืองที่เดินไปด้วยอิสระในการโหวตของ ส.ส.แบบนี้จะทำให้รัฐสภาเละ ภาพของ ส.ส.มีแต่ความทราม และทำให้ความเชื่อมั่นศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยมีปัญหา
บางคนบอกว่า “นั่นเป็นเป้าหมายกลุ่มคนที่ต้องการทำลายประชาธิปไตยอยู่แล้ว การทำให้ ส.ส.มีพฤติกรรมหาประโยชน์เช่นนี้ย่อมเข้าทาง ทำให้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมีความชอบธรรมมากขึ้น”
เป็นมุมมองที่มาจากความห่วงใย
ซึ่งก็เป็นเรื่องน่ากังวลไม่น้อย หากอิสระของ ส.ส.ทำให้เรื่องราวของพฤติกรรม ส.ส.เป็นเช่นนั้นจริง
เพียงหากมองอีกมุมหนึ่ง ว่าเป็นเรื่องที่ประเมินเหตุไปก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง
และในอีกด้านหนึ่งของการเมืองหลังเลือกตั้ง เป็นความกังวลหลักอยู่เช่นกันว่ากฎหมายและกลไกต่างถูกออกแบบมาเพื่อกลุ่มคนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนสืบทอดอำนาจ โดยมี ส.ส.บางพวกเป็นเครื่องมือ
เมื่อ ส.ส.ทุกคนมีความเป็นอิสระ สามารถย้ายพรรคได้เมื่อถูกพรรคลงมติขับไล่เหมือนกัน ทำให้ในทางกลับ ส.ส.จากพรรคที่ขึ้นอยู่ว่าสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ อาจจะโหวตสวนมติพรรค แล้วมาสนับสนุนฟากที่ถูกเรียกว่าฝ่ายประชาธิปไตยก็เป็นได้
อิสระในการโหวตสวนมติพรรค ทางหนึ่งอาจจะเกิดจาก “แลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์” ใครจ่ายให้มากก็โหวตให้กับคนนั้น แต่อีกด้านหนึ่งอาจจะโหวตเพื่อรักษาฐานคะแนนของตัวเองไว้
หลายเรื่องในยุคนี้ ตั้งแต่ผลการเลือกตั้งเป็นต้นมา แสดงให้เห็นชัดเจนว่าหลายคนที่อุดมการณ์ไม่ชัดเจนต้องสอบตก หลุดจากเวทีไป
โซเชียลเน็ตเวิร์กที่ประชาชนแทบจะทุกคนแล้ว มีช่องทางที่จะสื่อสารทั้งความรู้ และความคิดถึงกันและกัน
คนที่มีชื่อเสียง หรือมีสถานะทางสังคมหากไปทำอะไรที่น่าสนใจเข้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี หรือไม่ดี ล้วนเป็นกระแสที่ความรับรู้ลามไปอย่างรวดเร็ว ง่ายดาย
เกิดความคิดความเห็นร่วมกัน ทั้งในทางสนับสนุนและกดดัน
ทำให้คนคนนั้นเป็นวีรบุรุษ หรือพญามารได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยสภาวการณ์เช่นนี้ ลองคิดดูว่า ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่สุดแล้วจะตัดสินใจด้วยอะไร ระหว่างผลประโยชน์เฉพาะหน้า กับชื่อเสียง เกียรติยศที่จะกระทบต่อฐานเสียงและอนาคตทางการเมือง
จริงอยู่เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงว่ากฎหมายการเมืองที่เอื้อให้เกิดงูเห่าภายในพรรค
แต่เพราะ ส.ส.มาจากประชาชน จำเป็นต้องฟังเสียงประชาชน และมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาว่าบทเรียนของการทำให้ประชาชนรู้สึกว่าถูกทรยศเป็นอย่างไร
จึงเป็นเรื่องที่น่าพิสูจน์ไม่น้อยว่าที่สุดแล้ว “อิสระของ ส.ส.” จะสร้าง “งูเห่า” ให้เกิดขึ้นกับ “พรรคการเมืองฝ่ายไหน” มากกว่า
ในโลกยุคใหม่ที่ “ความลับ” ว่าใครไปทำอะไรกับใครเก็บงำได้น้อยลง
สุชาติ ศรีสุวรรณ