การลงมติลับเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 25 พ.ค. นายชวน หลีกภัย จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 258 เสียง ชนะนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จากพรรคเพื่อไทย ที่ได้ 235 เสียง ตัวเลขห่างกัน 23 เสียง และมีข้อสังเกตว่าอาจจะมีงูเห่าเกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นการลงมติลับ จึงเป็นเรื่องยากที่จะสืบเสาะหาความจริงว่า เกิดการกระทำมิชอบ ทำให้ปรากฏผลคะแนนดังกล่าวหรือไม่
นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคอนาคตใหม่ ยอมรับว่า ตนเองได้รับการติดต่อ ก่อนโหวตเลือกประธานสภาหนึ่งวัน เป็นเงิน 20 ล้านบาท ให้เป็นงูเห่าโหวตสวนมติพรรค 20 ล้านบาท แบ่งเป็น 6-7-7 ก้อนแรกสำหรับโหวตเลือกประธานสภา ส่วนที่สองคือโหวตเลือกนายกฯ และส่วนสุดท้ายถือเป็นโบนัส จ่ายเป็นก้อนครั้งสุดท้ายหากกล้าโหวตสวน
นายสมัครเผยด้วยว่า พอไปถามพรรคพวกบางคน ของผมกลายเป็นน้อยกว่าเขา ยังแอบน้อยใจเล็กๆ เพราะบางคนมีการเสนอตัวเลขเริ่มต้นให้ถึง 50 ล้านบาทเลย ถ้ากล้าตัดสินใจเป็นงูเห่า แม้การโหวตเลือกประธานสภา เสียงในซีกพวกเราจะหายไป แต่ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ผมมั่นใจ ไม่มีใครเป็นงูเห่าอย่างแน่นอน เราทุกวันนี้เปรียบเหมือนกินข้าวหม้อเดียวกันแล้ว นั่งมองม่านตากันทุกวัน ใครมีพิรุธ มันก็ต้องออกมาบ้าง แต่ในวันนี้ยังไม่เห็น จึงมั่นใจ ในอนาคตใหม่ ไม่มีงูเห่าแน่นอน
อาจจะยังมีกรณีของ ส.ส.อีกหลายคนที่ได้รับการติดต่อ อาจจะมีการรับปาก ไม่รับปาก เป็นเรื่องที่ไม่มีใครยืนยันได้ แต่สภาพการเมืองที่สองขั้วมีเสียงปริ่มๆ กันทั้งคู่ ย่อมมีโอกาสที่จะจ่ายเงินจ่ายทองเป็นค่าตอบแทนการยกมือ เหมือนในอดีต เคยมีการซื้อเสียง ส.ส.โดยไปจ่ายเงินในห้องน้ำจนเป็นเรื่องฉาวโฉ่ และกลายเป็นบาดแผลติดตัวสภาเรื่อยมา
เมื่อปี 2557 เกิดการรัฐประหาร โดยกล่าวหาสภาว่าไม่มีหลักการ ทุจริต คอร์รัปชั่น ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเอง หากสภานี้จะขับเคลื่อนด้วยการซื้อตัว ส.ส.ให้ยกมือสนับสนุน ต้องถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ ที่ทุกฝ่ายไม่ควรยินยอมให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน อาจมีฝ่ายได้ประโยชน์จากการซื้อตัว ส.ส. แต่ประโยชน์แบบนี้จะทำลายสภา ซึ่งสุดท้ายผู้เสียสิทธิและเสียหายคือประชาชน ที่ไว้วางใจเลือก ส.ส.เข้ามานั่นเอง
