ตอนนี้ดูเหมือนสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง จะยิ่งย่ำแย่หนักลงทุกที
ทั้งจากปัญหาสงครามการค้าหรือเทรดวอร์ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา เริ่มส่งผลกระทบลงมาถึงระดับรากหญ้าแล้ว
ยังมีวิกฤตด้านเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการทำงาน ทำให้หลายธุรกิจและแรงงานจำนวนมากต้องตกงาน หรือที่เรียกกันว่า “ดิสรัปชั่น”
เมื่อปัญหาเทรดวอร์เข้ามาซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย รายได้จากการส่งออกที่เคยขายของได้ คิดเป็นรายได้ประมาณ 70% ของรายได้เข้าประเทศ
เมื่อสหรัฐอเมริกา ประเทศที่จับจ่ายใช้สอยปีละประมาณ 20 ล้านล้านเหรียญ กับจีนที่มีการใช้จ่ายประมาณปีละ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งสองประเทศรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการใช้จ่ายในโลกนี้ประมาณ 40% ของการจับจ่ายใช้สอยของทั้งโลก
ถ้าทั้งสองประเทศเปิดทำสงครามการค้ากันรุนแรงแบบนี้ เชื่อว่ากระเทือนไปทั้งโลกแน่นอน ไม่ใช่เฉพาะแค่ประเทศไทย
ตอนนี้ผลกระทบที่เรากลัวกันกำลังย่างกรายเข้ามาแล้ว
เริ่มมีบริษัทต่างชาติในบ้านเราที่ทำมาค้าขายกับอเมริกาและจีน เริ่มมีการลดต้นทุนกันแล้ว
จะเห็นจากการจับจ่ายใช้สอยของแรงงานระดับต่างๆ เริ่มชะลอลง เช่น
พนักงานบางบริษัทจะเริ่มถูกลดโอที เลิกโอที เลิกจ้าง ธุรกิจบางราย คู่ค้าบางเจ้า จะเริ่มถูกปฏิเสธการต่อสัญญาว่าจ้าง
เมื่อมาเจอกับช่วงหน้าฝน สำหรับพ่อค้าแม่ขาย คนขายของ จะยิ่งเดือดร้อนหนักข้อขึ้นไปอีก เพราะขายของไม่ได้ ในขณะที่ยังต้องใช้จ่าย
ส่วนมนุษย์เงินเดือนก็จะเจอปัญหาต้นทุนการใช้ชีวิตสูงขึ้น เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าเน็ต ค่ามือถือ ค่าอาหารการกิน ค่าภาษี ค่าบัตรเครดิต
สำหรับคนมีครอบครัวก็จะยิ่งหนักขึ้นไปอีกสเต็ป ค่าเทอมลูก ค่าใช้จ่ายลูก ค่าดูแลพ่อแม่บุพการีผู้มีพระคุณ
สถานการณ์แบบนี้ เมื่อมาเจอกับสภาพการเมืองไทยในปัจจุบัน หลายคนคงหดหู่สิ้นหวัง
เพราะสภาพรัฐบาลและฝ่ายค้านมีเสียงสนับสนุนแบบ “ปริ่มน้ำ” เช่นนี้ คงจะไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้เต็มที่
เมื่อมีเรื่องสำคัญเข้าสภา เพื่อขอเสียงสนับสนุนในการออกกฎหมายต่างๆ รัฐบาลคงทำงานได้ลำบากอย่างยิ่ง
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้ทุกฝ่ายยอมรับกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตยในการหาทางออกของประเทศ
ยอมรับกฎกติกาในการอยู่ร่วมกันในสังคมนี้ อย่ายอมให้อำนาจนอกระบบเข้ามายุ่งเกี่ยว เพียงเพื่อต้องการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม
เพราะนั่นหมายถึงสิ่งที่ต้องเจอคือ ความเดือดร้อนของทุกคนอย่างที่เกิดขึ้นแล้วตอนนี้
แต่ในเมื่อมีการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ไม่ว่ากฎกติกาจะบูดเบี้ยวอย่างไร ควรจะยอมรับเพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้
หากรัฐบาลลุงตู่จะกลับมาบริหารประเทศอีก ก็เข้ามา
เพราะนี่คือวิถีประชาธิปไตย ต่อไปถ้ารัฐบาลทำงานไม่ได้ ก็ต้องลาออกหรือยุบสภาไป ตามวิถีของประชาธิปไตย
สิ่งสำคัญประชาชนจะต้องไม่เบื่อหน่ายกับการเลือกตั้งใหม่ ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม จะเสียงบประมาณไปเท่าไหร่
เพราะนี่คือประชาธิปไตยที่ทุกคนยอมรับว่าคือระบอบการปกครองที่ดีที่สุดของประเทศไทยในวันนี้
เชื่อว่าสิ่งที่จะทำให้รัฐบาลอยู่ได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่การใช้กำลัง การยึดอำนาจ หรือการออกกฎกติกามาเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ความซื่อสัตย์และความสามารถในการบริหารงานเพื่อประชาชนเท่านั้น ที่จะเป็นเกราะกำบังให้รัฐบาลนี้อยู่ได้หรือไม่ได้
ไม่ว่าจะเขียนรัฐธรรมนูญได้ดีหรือห่วยแค่ไหน เข้าข้างฝ่ายใด หรือจะวางยุทธศาสตร์ชาติเอาไว้ 20 ปี หรือ 100 ปี เพื่อปกป้องคุ้มกันอำนาจเก่าอย่างไร
เชื่อว่าคงไม่สามารถต้านทานพลังจากประชาชนได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นในเมื่อรัฐบาลลุงตู่ได้มีโอกาสเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ควรจะต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องปากท้องประชาชนอย่างเต็มที่
อย่าไปกลัวว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะแพ้หรือชนะ เพราะถ้าเป็น “ของจริง” ทำให้ประชาชนกินอิ่มนอนหลับ
รับรองได้ใจประชาชนไปแน่นอน
สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา