เดินหน้าชน : ‘พาน’การเมือง : โดย เสกสรรค์ กิตติทวีสิน

เป็นไปได้ไหมที่มีคนใหญ่คนโตในรัฐบาลออกมาบอกว่า พานไหว้ครูที่สะท้อนไอเดียการออกแบบล้อการเมืองเพราะมีคนอยู่เบื้องหลัง เด็กนักเรียนคิดเองไม่ได้แน่ พานดอกไม้หลากหลายที่ออกมาตามสื่อโซเชียล มีทั้งพานรูปคู่ชิงโหวตเลือกนายกฯ ในสภา ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือที่ฮือฮาอย่างมากเป็นพานดอกไม้ตาชั่งเอียงระหว่างเสียง 250 ส.ว.ที่ทำให้หนักกว่าเสียงของประชาชนหลายล้านเสียง พานรถถังบ้าง พานยืมนาฬิกาเพื่อนบ้าง และพานชูสามนิ้ว เมื่อ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ตัวอย่างพานดอกไม้ล้อการเมืองต่างๆ ได้เกิดขึ้นในหลายโรงเรียน มีครบทุกภาค ทั้งเหนือ กลาง อีสาน และใต้ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่ที่โรงเรียนเดียว

เหล่านี้ล้วนเป็นการสะท้อนภาพการเมืองของเด็กนักเรียนที่ในพานยังมีธูป เทียน ดอกไม้ ทั้งหญ้าแพรก ข้าวตอก ดอกมะเขือ และดอกเข็มอยู่ครบครัน ไม่ทิ้งความเป็นพานดอกไม้ไหว้ครู

โดยปกติพานดอกไม้ไหว้ครูที่ผ่านมามักจะมีการออกแบบตามสภาพแวดล้อมของพื้นที่แต่ละโรงเรียน ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่นักเรียนแต่ละห้องจะช่วยกันคิดไอเดียออกมาว่าต้องการสื่ออะไร สื่อได้หมดทั้งเหตุการณ์ปัจจุบันอย่างเหมาะสม และการทำพาน
ก็จะนึกถึงสิ่งที่ประสบใกล้ตัวทั้งสิ้น

Advertisement

สำหรับการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคนไปหมดแล้ว ที่มีโลกของเทคโนโลยีสื่อสารช่วยให้ทุกคนเสพข่าวหลากหลายบนมือถือตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะข่าวการเมืองช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยผ่านอะไรมาบ้าง ตั้งแต่ความวุ่นวายบนท้องถนน การทำรัฐประหาร กระทั่งมาถึงการเลือกตั้ง การนับคะแนนเสียงของ
ผู้ที่จะได้เป็น ส.ส. ที่ถูกวิจารณ์ว่าออกจะแปลกๆ พิกล แม้จะอ้างว่านับตามรัฐธรรมนูญก็ตาม จนมาถึงการเปิดสภาผู้แทนฯ การแต่งตั้ง 250 ส.ว.เพื่อมาร่วมโหวตเลือกนายกฯ ร่วมกับ ส.ส.ทั้งสภา

การสะท้อนการเมืองใส่พานดอกไม้ที่มีเนื้อที่จำกัดจึงไม่น่าจะมีพิษภัย ทำให้รัฐบาลต้องเพลี้ยงพล้ำอะไร เว้นแต่ว่าจะใจกว้างยอมรับฟังเสียงเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน เพราะเขาได้แสดงออกมาปีละหนเท่านั้น เด็กๆ เองก็ยังพูดให้เข้าใจด้วยว่า ไม่ได้อยากจะไปเสียดสีใคร แต่อยากมีส่วนร่วมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

ให้สัมภาษณ์ทำนองนี้นับว่าปรานีถ้อยทีถ้อยอาศัยด้วยซ้ำ

Advertisement

ผู้อำนวยการโรงเรียนท่านหนึ่งก็ให้สัมภาษณ์ออกตามสื่อว่า ไม่มีอาจารย์คนไหนไปแนะนำ แต่จะส่งเสริมให้นักเรียนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตั้งใจศึกษาหาความรู้ ทำตัวให้เป็นคนดีของสังคม

คนที่น่าจะสะดุ้งกับพานดอกไม้ล้อการเมืองน่าจะเป็นครูมากกว่าเพราะรับพานจากมือนักเรียน เพียงแต่ครูไม่เคยมองลูกศิษย์เป็นอื่น มีแต่ความรัก ความเอาใจใส่และทุ่มเทการสอนให้เพื่อจะได้เป็นคนของสังคมช่วยดูแลประเทศชาติกันต่อไป เหมือนที่ถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่น

สิ่งที่เด็กถ่ายทอดไอเดียผ่านพานดอกไม้นั้น ทำให้ครูเบาใจว่า เด็กนักเรียนก็มีความคิดความอ่านเท่าทันสังคมที่จะต้องเผชิญในภายภาคหน้าต่อไป

ที่น่าเหลือเชื่อมากกว่าพานดอกไม้ ยังมีนักการเมืองสอบตกเลือกตั้งมาหมาดๆ กลับไถลไปไกลมองว่าเกิดปรากฏการณ์ไหว้ครูที่แหวกประเพณีและวัฒนธรรม เชื่อว่ามีนักการเมืองของบางพรรคอยู่เบื้องหลัง คิดได้แค่นี้ก็อย่าหวังจะกลับมาให้ประชาชนเลือกเข้าสภาอีกเลย พอหมดหน้าหาเสียงเลือกตั้งก็ดูแคลนกันอย่างแรง

เข้าใจนะเข้าใจอย่างดีว่านักการเมืองก็เป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อจิตใจเหมือนคนทั่วไป แต่เมื่อมีบรรยากาศเช่นนี้ที่สะท้อนความคิดออกมา ย่อมรู้สึกได้ว่ากำลังถูกวิจารณ์ อยู่ที่ว่าจะทำความเข้าใจต่อหน้าที่ของตนเองแค่ไหน พอมีเสียงชื่นชมก็ปลื้มใจเป็นนักหนา

เวลานักการเมืองลงหาเสียงหรือพบปะชาวบ้านถือเป็นงานหลักที่ต้องรับฟังเสียงมากมาย ทั้งร้องขอให้ช่วยเหลือ หรือการแสดงความคิดเห็นผ่านนักการเมืองขึ้นมา ช่วงหาเสียงนักการเมืองก็เที่ยวไล่ประเคนประชานิยมให้เต็มที่ ประชาชนเองไม่ใช่แค่รอว่านักการเมืองไปหาเสียงแล้วรับปากอะไรบ้าง ยุคนี้เท่าทันในโลกข่าวสารและการเรียนรู้ ชาวบ้านบางคนฉลาดกว่านักการเมืองด้วยซ้ำ

ปีหน้าฟ้าใหม่ วันไหว้ครูเวียนมาบรรจบอีกครั้ง หวังว่าจะไม่มีใครไปนั่งเฝ้าเด็กทำพานดอกไม้ มีเวลาอีกตั้งปี ทำอะไรที่เป็นคุณแก่บ้านเมืองจะดีกว่า

เสกสรรค์ กิตติทวีสิน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image