ยังจำกันได้ไหม ก่อนหน้านี้ เจ้าพนักงานของรัฐในฐานะสามีเซ็นเอกสารรับรองสำเนาให้ภรรยาไปซื้อที่ดิน แค่ผู้คนรู้สึกว่า ไม่ชอบ ไม่เหมาะไม่งาม เอาเปรียบผู้อื่นที่อยากซื้อที่ดินแปลงนั้นด้วยก็นำไปสู่ความวุ่นวายและกลายเป็นคดีความ
จำกันได้ไหม แค่รู้สึกว่า “นิรโทษกรรมสุดซอย” ซ่อนเร้นอำพราง ส่อเจตนาจะพาใครกลับบ้าน แค่นั้นเอง ก็เกิดความโกลาหลวุ่นวายถึงกับปิดบ้านปิดเมืองจนบรรลุถึง “รัฐประหาร”
จึงเป็นที่ทราบและรู้สึกได้ว่า “การใช้อำนาจ” นั้นต้องคู่กับ “ความชอบธรรม”!
แต่บัดนี้ เป็นที่ประจักษ์ทั้งแก่สายตาผู้คนทั่วไปและผู้คนทั่วโลกว่า เจตนาและทัศนคติที่บิดเบี้ยวมุ่งเอารัดเอาเปรียบและทำลายผู้อื่นพวกอื่นที่ไม่ใช่ “พวกเรา” นั้นได้นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “กติโกง” จนถึงขั้นกล้ากล่าวต่อสาธารณะว่า “รัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา”
เกิด “250 ส.ว.” ที่เปรียบเสมือนพรรคการเมือง “เสียงข้างมาก”!
เย้ยหยัน หมิ่นหยาม “เสียงสวรรค์”
ไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง แต่เป็น “มือ” ที่ชี้ขาดเมื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ไม่เพียงเน้นๆ คัดเลือกสรรหาเอามาแต่พวกพ้องน้องพี่ที่เป็นบริวารรอบข้าง หากไม่เว้นแม้กระทั่ง
“คณะกรรมการสรรหา” กันเอง 5 คนด้วย
กระทำการปกปิด ซ่อนเร้น อำพราง ขัดเจตนารมณ์กฎหมายหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไรก็ไม่หวั่น ไม่มีหิริโอตตัปปะ
พฤติการณ์ฮึกเหิมกำลังระบาดลุกลาม !
ดังกรณีที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ถูกร้องว่าถือหุ้นสื่อ ถึงแม้บริษัทจะเลิก นิตยสารจะปิดตัวไปไม่ประกอบการแล้ว แต่ด้วย “มาตรฐาน” ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว”
แต่พอถึงคราว 41 ส.ส.ถูกร้อง “ถือหุ้นสื่อ” บ้าง
“มาตรฐานเดียวกัน” กลับถูกร้องให้ “ต้องเว้น” เพราะ 41 ส.ส.นั้นสังกัดพรรคพลังประชารัฐ 27 คน ประชาธิปัตย์ 12 พรรคอื่นอีก 2 เป็นฝ่ายพรรคที่รวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาล
เตรียมขอ “คุ้มครองชั่วคราว” เพื่อไม่ต้อง “ยุติปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว” เหมือนกับ “ธนาธร” ด้วยเหตุผลว่า ของเรา (พลังประชารัฐ) กับของเขา (อนาคตใหม่) ไม่เหมือนกัน
ของเรา (พลังประชารัฐ) จะเกิดปัญหาทางลบยิ่งกว่าคือ รัฐบาลจะไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายได้ อย่าเอาไปเปรียบกับกรณี “ธนาธร”
จะเป็นเงื่อนไขสู่โกลาหล ถ้าถดถอยและถ่อยเถื่อน !?!!