รายงาน : บทเรียน ฮ่องกง เมล็ดพันธุ์ หวาดระแวง แปรสู่ ความโกรธ

ถามว่าอะไรคือเหตุปัจจัยอันทำให้ชาวฮ่องกงร่วมล้าน ตั้งแต่หัวขาวกระทั่งหัวดำ ออกจากบ้านก่อให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่

คำตอบ คือ ความหวาดระแวง คือ ความกลัว

พวกเขามิได้กลัวผู้กุมอำนาจในฮ่องกง หากแต่พวกเขากลัวคนที่อยู่เบื้องหลังผู้กุมอำนาจ คอยบงการให้เกิดกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน

นั่นก็คือ กลัว “จีน”

Advertisement

ความกลัวนี้อาจดำรงอยู่โดยพื้นฐาน เพราะคนฮ่องกงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นคนจีนแต่ก็เติบใหญ่และอยู่ในร่มเงาความคิดในแบบอังกฤษ

นั่นก็คือ ยึดมั่นในความคิดเสรีนิยม ถือตนเป็นเสรี “ประชาธิปไตย”

เมื่อปรากฏการณ์คนนับล้านในฮ่องกงออกมาชุมนุมประท้วง ก็มีหลายคนประเมินว่าสถานการณ์ในแบบฮ่องกงมิอาจเกิดขึ้นได้ในสังคมไทยเพราะว่าเราเป็น “ประชาธิปไตย”

Advertisement

จริงหรือ

จริงในที่นี้มิได้อยู่ในกรอบที่ว่า 1 ระหว่างฮ่องกงกับไทยใครเป็นประชาธิปไตยมากกว่า หากแต่อยู่ที่ 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ

คนไทยมีความไว้วางใจต่อผู้กุม “อำนาจรัฐ” อย่างมั่นคงหรือไม่

ความหมายก็คือ ภายหลังจากการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ภายหลังจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562

คนไทยมอบความไว้วางใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเต็มเปี่ยมหรือไม่

หากดูจากผลการเลือกตั้งที่ในซีกของพรรคพลังประชารัฐเปรียบเทียบกับในซีกของพรรคเพื่อไทยก็จะสัมผัสได้ว่าจะเป็นตรงกันข้าม

ชัยชนะที่พรรคพลังประชารัฐได้มาเป็นเรื่องของ “อภินิหารทางกฎหมาย”เพราะอภินิหารทางกฎหมายนั้นเองทำให้พรรคพลังประชารัฐได้พันธมิตรมาไม่ว่าจะเป็น 250 ส.ว. ไม่ว่าจะเป็น 11 ส.ส. 11 พรรคการเมือง

และรวมถึงการดึงพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยเข้าไป

ปมเงื่อนแห่ง “อภินิหารทางกฎหมาย” นั้น ด้านหนึ่ง เหมือนกับจะเป็นคุณ เป็นประโยชน์ให้กับพรรคพลังประชารัฐ

แต่อีกด้านหนึ่ง ก็สร้างความหวาดระแวง สร้างความไม่วางใจ

เหมือนกับการรุกไล่ต่อพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าจะเป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าจะเป็น นายปิยบุตร แสงกนกกุล ตลอดจน น.ส.พรรณิการ์ วานิช

แน่นอน ย่อมทำให้ 3 คนนี้ขยับขับเคลื่อนลำบากขึ้น

แต่ในอีกด้านหนึ่งสังคมก็นำไปสู่การเปรียบเทียบในกรณีที่หลายคนในซีกของพรรคพลังประชารัฐหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา คดีความ

ยิ่งผ่านไป ยิ่งทำให้เกิดความหวาดระแวง ความไม่มั่นใจ

อำนาจอันพรรคพลังประชารัฐและพันธมิตร 19 พรรคได้มาจึงมิได้วางอยู่บนรากฐานอันมั่นคง หากแต่เป็นรากฐานอันง่อนแง่นขึ้นได้

หากสังคมเกิดความไม่มั่นใจ เกิดความหวาดระแวง

เมล็ดพันธุ์แห่งความกลัว แห่งความหวาดระแวง แห่งความไม่ไว้วางใจต่อจีนมิใช่อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นได้ภายในพริบตาพลันในสังคมฮ่องกง

ตรงกันข้าม ดำเนินไปในลักษณะสะสม

เช่นเดียวกับ สังคมไทยได้มีความสะสมความไม่พอใจตั้งแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ต่อเนื่องมายังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

กระทั่งกลายเป็น “ทศวรรษแห่งความมืดมน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image