พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศต่อหน้าผู้นำอาเซียนถึงความพร้อมของรัฐบาลใหม่ว่า ชัดเจนในกลางเดือนกรกฎาคม
ขณะที่ขั้นตอนการตรวจสอบรายชื่อรัฐมนตรีใหม่เข้าถึงจุดไคลแมกซ์แล้ว
นั่นคือ การเรียกว่าที่รัฐมนตรีให้กรอกประวัติ เพื่อส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ
บุคคลที่ได้รับการติดต่อให้กรอกประวัติหมายถึงมีเก้าอี้รัฐมนตรีเตรียมไว้ให้
ส่วนบุคคลที่ไม่ได้รับการติดต่อ หมายความว่า ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี
นี่คือที่มาของกระแสข่าว วืดตำแหน่ง รมต.
ขณะเดียวกันก็เป็นความเคลื่อนไหวที่ยืนยันว่า ประเทศไทยจะมีรัฐบาลชุดใหม่ในเร็วๆ นี้
เมื่อมีการทูลเกล้าฯรายชื่อ และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์นำรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ฯ และรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร
รัฐบาลชุดใหม่ก็ออกสตาร์ต
ขณะที่รัฐบาลชุดใหม่กำลังก่อร่างสร้างตัว การเมืองไทยได้เกิดความคึกคักกันที่สภาผู้แทนราษฎร
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรกลายเป็นรายการฮิตที่ประชาชนสนใจเฝ้าติดตามเป็นอย่างมาก
การประชุมในวาระรายงานความคืบหน้าการปฏิรูป 11 ด้านที่คณะกรรมการปฏิรูปส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณานั้น ปรากฏว่ามีผู้ชมให้ความสนใจ
จำนวนผู้เข้าชมผ่านทางการไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กเติบโตอย่างมีนัยยะ ประเด็นจากสภามีการนำมาวิพากษ์วิจารณ์ต่ออย่างน่าจับตา
ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายของซีกขั้วพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายของซีก 7 พรรค
ทุกๆ การอภิปรายต่างมีผู้ติดตาม
นี่ย่อมสะท้อนนัยยะแห่งความสนใจ
เป็นสัญญาณที่ดีที่สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนตื่นตัว
อยากมีส่วนร่วมทางการเมือง
สัญญาณที่สะท้อนความตื่นตัวทางการเมืองมิได้เพิ่งปรากฏให้เห็นจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์
หากแต่ใครติดตามกระแสข่าวและพบว่าช่วงเวลาเปิดเทอมที่ผ่านมา มีพานไหว้ครูที่ประดิษฐ์ขึ้นจากเนื้อหาทางการเมืองจนกลายเป็นข้อวิพากษ์
นักเรียนที่ทำพานไหว้ครูบางแห่งใส่สัญลักษณ์พรรคอนาคตใหม่ไปบนพานไหว้ครู
บางพานประดิษฐ์รถถังจำลองวางไว้บนพาน บางพานประดิษฐ์เป็นตาชั่งที่ด้านหนึ่งคือ ส.ว. อีกด้านหนึ่งคือ ส.ส.
กระแสพานไหว้ครูดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้าไปทำความเข้าใจกับครูถึงโรงเรียน
ขณะเดียวกันกองเชียร์พรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ออกมาตักเตือนถึงความเหมาะสมในการทำพานไหว้ครู
กระทั่งโรงเรียนต้องออกมาห้ามปรามการทำพานในลักษณะเชื่อมโยงกับการเมือง
แต่การปรามดังกล่าวมิอาจห้ามความรู้สึกนึกคิดของเด็กและเยาวชนได้
ไม่สามารถหยุดยั้งการตื่นตัวอยากมีส่วนร่วม
ไม่เพียงแต่เด็ก เยาวชน และภาคประชาชนที่แสดงออกว่าอยากจะมีส่วนร่วมทางการเมืองด้วยการคิด การฟัง และการติดตามความเคลื่อนไหว
ภาคเอกชนเองก็กระโจนเข้ามามีส่วนร่วมกับการเมืองด้วยการเร่งรัดให้รัฐบาลใหม่เกิดขึ้นเร็วๆ
ทั้งนี้ เพราะในห้วงเวลาที่รัฐบาลเก่ายังทำงาน รัฐบาลใหม่ยังไม่เริ่ม ตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทยตกต่ำในหลายๆ มิติ
ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับเป้าจีดีพี โดยเปลี่ยนเป้าหมายให้ต่ำลง ปรับเป้าการส่งออกให้กลายเป็นไม่ขยายตัว
ตัวเลขการท่องเที่ยว และตัวชี้วัดอื่นๆ ก็ลดลงไปมาก
รวมทั้งตัวเลขสินค้าพืชผลทางการเกษตร
กระทั่งภาคเอกชนเรียกร้องให้ประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่เร็วๆ จะได้มีผู้เข้ามาบริหาร
นำประเทศไทยให้พ้นจากวิกฤตทางเศรษฐกิจ
เมื่อเศรษฐกิจมีปัญหา เมื่อประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมือง เมื่อเสียงของรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎรมีแค่ “ปริ่มน้ำ”
งานหนักที่ฝ่ายรัฐบาลซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ย่อมสาหัสสากรรจ์
การนำรัฐนาวาฝ่ามรสุมเศรษฐกิจตก ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ไม่เติบโต คือการบ้านข้อใหญ่ที่รัฐบาลใหม่ต้องแก้ไขทันที
ขณะที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ประกอบด้วยพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย เป็นหลัก
พรรคแต่ละพรรค รัฐมนตรีแต่ละคน ย่อมมีเป้าหมายเป็นของตัวเอง
มีเป้าหมายส่วนตัว มีเป้าหมายของพรรค และต้องไปแชร์กับเป้าหมายของรัฐบาล
ขณะที่แต่ละพรรคก็มีศักดิ์ศรี มีอำนาจต่อรองกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เพราะพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีเสียงในสภาผู้แทนราษฎรไม่ถึงครึ่ง
การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดใหม่จึงต้องแก้ปัญหาต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
แก้ไขปัญหาสินค้าทางการเกษตร แก้ไขปัญหาการส่งออก แก้ไขปัญหาการลงทุน งบประมาณ และอื่นๆ
ถ้ารัฐบาลทำไม่ได้ ย่อมกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเอง
แม้การเลือกตั้งครั้งนี้จะถูก “ดีไซน์มาเพื่อเรา” แม้ทุกอย่างจะออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯ อีกครั้ง
โดยเฉพาะมีสมาชิกวุฒิสภาที่ยืนอยู่เคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์อย่างไม่พลิกพลิ้ว
แต่เมื่อรัฐบาลใหม่เริ่มต้น ภารกิจหลักของรัฐบาลย่อมผูกพันกับสภาผู้แทนราษฎรมากกว่า
อย่าลืมว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นผูกพันกับประชาชนในพื้นที่ และพรรคการเมือง
เพราะ ส.ส.เขตได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน ขณะที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อก็ได้มาเพราะคะแนนที่ประชาชนเลือก
ดังนั้น เมื่อประชาชนตื่นตัวทางการเมือง เฝ้ามองการทำหน้าที่ของรัฐบาล พรรคการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างใกล้ชิด
การดำรงอยู่ของรัฐบาลจึงยึดโยงอยู่กับประชาชนอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
หลายเรื่องที่ คสช. “ดีไซน์มา” และหวังว่าจะอยู่ยั้งยืนยง
ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ชาติ ไม่ว่าจะเป็นแผนการปฏิรูป
ทุกอย่างกำลังถูกประชาชนที่ตื่นตัวทางการเมืองจับตา
ท้าทายต่อการดีไซน์ที่ คสช.ปลุกปั้น
เริ่มจับตาดูได้รัฐบาลใหม่เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคมนี้