ที่เห็นและเป็นไป : ‘เลวร้าย’ ยังไม่สำนึก : โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ

ค่อยๆ ลงตัวที่ละน้อย ทีละนิด สำหรับ “รัฐบาลประยุทธ์หลังเลือกตั้ง”

เป็นความลงตัวที่ค่อนข้างโกลาหล เพราะ “รัฐบาลประยุทธ์หลังรัฐประหาร” ยังมีอำนาจเต็ม

นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จากรัฐบาลเดิมยังทำหน้าที่ ขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มีสถานะนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลใหม่เรียบร้อยแล้ว

เกิดความสับสนว่า “พล.อ.ประยุทธ์” กำลังทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีในสถานะไหน

Advertisement

รัฐสภาชุดใหม่ทำหน้าที่แล้ว จัดการประชุมมาหลายครั้ง เปิดโอกาสให้ ส.ส.ชุดใหม่ยื่นกระทู้ถามรัฐบาล มีรัฐมนตรีมาตอบเรียบร้อย แต่เป็นจากรัฐบาลชุดเก่าที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับรัฐสภาชุดใหม่

ยกเว้นเป็นผู้แต่งตั้งวุฒิสมาชิก

ทุกอย่างดูยุ่งเหยิง แต่จนป่านนี้การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีซึ่งไม่น่าจะมีเรื่องยุ่งยากอะไรมายมายกลับเป็นเรื่องไม่รู้จบรู้สิ้น

Advertisement

พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เดินสายไปเชิญและพูดคุยตกลงกับพรรคการเมืองที่เลือกที่จะร่วมรัฐบาลโดยไม่สนใจว่าจะมีที่มาที่ไปอย่างไร และคุยกันเพื่อจัดแบ่งโควต้ารัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย

กลุ่มผู้มีอำนาจจะเอากระทรวงอะไรบ้าง กลุ่มการเมืองที่ร่วมสร้างพรรคพลังประชารัฐจะได้เก้าอี้ไหนกันบ้าง เช่นเดียวกับพรรคต่างๆ ที่มาร่วมรัฐบาลจะได้กี่เก้าอี้ เก้าอี้ไหนบ้าง

พรรคการเมืองส่งรายชื่อมา และตรวจสอบคุณสมบัติกันอีกครั้ง

เห็นๆ กันอยู่ว่าใครเป็นใคร

แค่ให้เครดิตแต่ละพรรคที่จะเลือกบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีเป็นหลัก

ผู้มีอำนาจอาจจะเข้าไปดูแลบ้างแต่ควรจะอยู่ในกรอบให้เกียรติแต่ละพรรค

ทุกอย่างก็น่าจะจบได้ง่ายๆ ตั้งคณะรัฐมนตรีได้โดยที่ตัวนายกรัฐมนตรีไม่เป็นผู้ทำให้คนที่ไม่ได้รับตำแหน่งเกิดความน้อยอกน้อยใจ จนเป็นปัญหาความร่วมมือในอนาคต ไม่พอใจตรงไหนก็พูดกับหัวหน้าพรรคให้แต่ละพรรคไปจัดการกันเอง

แต่ดูเหมือนไม่เช่นนั้น

การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีดูจะไม่จบลงง่ายๆ ลงตัวแล้วเปลี่ยน เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนใหม่ คล้ายจะเป็นเรื่องสนุกสนานที่ทำให้เละเข้าไว้

ที่ก่อความรู้สึกว่าเละนั้นเป็น นักการเมือง ภาพของความอยากได้ใคร่เป็น แย่งชิงตำแหน่ง

ความเสียหายถูกตอกย้ำให้เกิดขึ้นกับนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง จนยิ่งนานวันยิ่งน่าเป็นห่วงว่าศรัทธาประชาชนที่มีต่อนักการเมืองจะยิ่งย้ำแย่ขึ้น

ซึ่งควรเป็นเรื่องที่น่าห่วง ด้วยหากประชาชนไม่ศรัทธาต่อนักการเมืองซึ่งเป็นผู้นำการบริหารประเทศเสียแล้ว

ความร่วมมือร่วมใจในการร่วมพัฒนาประเทศจะขาดหาย

แต่ความห่วงใยนั้นกลับไม่เคยเป็นความกังวลสำหรับผู้นำประเทศ

จึงมีบ่อยครั้งที่ทำให้เกิดความคิดที่ว่า อาจจะเป็นเรื่องน่ายินดีของนักการเมืองที่ไม่เกี่ยวกับการยึดโยงประชาชนเสียด้วยซ้ำ ที่นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งถูกมองด้วยความรู้สึกว่าเลวร้ายในสายตาของผู้ที่มีบทบาท และมีอิทธิพลต่อการกำหนดความเป็นไปของประเทศ

ยื่งนักการเมืองจากการเลือกตั้งสร้างความรู้สึกว่าเสื่อมทรามมากเท่าไร

นักการเมืองที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่ามากขึ้นเท่านั้น

สภาพเช่นนี้เป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้น

ทว่ากลับเป็นเรื่องที่ดูไม่มีทางเป็นอื่นได้เลย

ด้วยว่า กระทั่งนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเองยังไม่รู้ว่าว่าเคลื่อนไปในพฤติกรรมทำลายตัวเอง

ความอยากในผลประโยชน์เฉพาะหน้ามีพลังแรงกว่าจะรักษาสถานะตัวเองในระยะยาว

สุชาติ ศรีสุวรรณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image