ไม่ว่าเหตุผลที่มิอาจบรรจุการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นวาระเร่งด่วนในนโยบายรัฐบาลจะมาจากพรรค พลังประชารัฐ หรือมาจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่น
แต่ตรรกะอัน นายจุติ ไกรฤกษ์ สรุป
“ถ้าสร้างบ้านประชาธิปไตยให้สวยแต่คนในบ้านอดอยากตายกันหมดก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วน แต่ปัญหาปากท้องและปัญหาเศรษฐกิจเร่งด่วนที่สุดและสำคัญที่สุด”
น่าคิด น่าพิจารณา
นี่ย่อมมิได้หมายความว่า เงื่อนไขที่พรรคประชาธิปัตย์เคยยืนยันว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีความสำคัญ
ได้ลดความสำคัญลง
ขณะเดียวกันนี่ย่อมมิได้หมายความว่า ไม่ว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอเป็น “เงื่อนไข” ไม่ว่าสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าจะปฏิบัติตาม
ในที่สุดก็เสมอเป็นเพียง “น้ำยาบ้วนปาก”
เมื่อตอนที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นเงื่อนไข 1 ในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ
ไม่มีใครเชื่อว่าจะสามารถทำได้
บทสรุปที่ว่าไม่สามารถทำได้มิได้มองจากด้านของพรรคพลังประชารัฐและพันธมิตรเท่านั้น หากมองจากสภาพความเป็นจริงของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
แต่ก็อยากรู้ว่าหากพรรคพลังประชารัฐยอมรับสภาพจะดำเนินไปอย่างไร
นั่นเพราะประเมินว่ารัฐธรรมนูญเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการค้ำยันการสืบทอดอำนาจของ คสช. นั่นเพราะประเมินว่าพันธมิตรของพรรคพลังประชารัฐคงไม่นิยม
พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป ไม่ยินยอมแน่นอน
นั่นเพราะประเมินว่าท่าทีและเงื่อนไขของพรรคประชาธิปัตย์ที่เสนอไปเสมอเป็นเพียงเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ในทางการเมืองทำให้ดูดีแต่ก็มิได้จริงจังอะไรนัก
ความจริงจังอยู่ที่ “ตำแหน่ง” อยู่ที่ “กระทรวง” มากกว่า
พลันที่บทสรุปของการประชุมยกร่างนโยบายรัฐบาลออกมาว่า ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญบรรจุไว้ในแผนพัฒนาการเมืองและมิได้เป็นเรื่องเร่งด่วน
ที่ยืนยันว่าต้องมีระยะเวลากำหนด ก็ไม่ใช่
และเมื่อ นายจุติ ไกรฤกษ์ ออกมาอุปมาอุปไมยความสำคัญและเร่งด่วนในเรื่องปากท้องของประชาชนกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าอะไรด่วน อะไรไม่ด่วน
บ้านสวย แต่เจ้าของบ้านอดอยาก ยากจน
คำถามที่ตามมาอย่างฉับพลัน 1 ก็คือ แล้วคำปราศรัยว่าด้วย “ประชาธิปไตยวิปริต” ว่าด้วย “ประชาธิปไตยสุจริต” พูดขึ้นมาทำไม
เช่นเดียวกับ 1 เมื่อไม่ทำแล้วไปรับปากทำไม
ผลจากการที่ประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญออกมาเช่นนี้เท่ากับพรรคพลังประชารัฐดูดเอาพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปในวงจรแล้วโดยสมบูรณ์
เพียงแต่เป็นวงจรแห่ง “ประชาธิปไตยวิปริต” เท่านั้น
เมื่อพรรคพลังประชารัฐมีรายรับคือดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นพวกได้ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์มีรายรับคือได้ร่วมรัฐบาลพร้อมกับ 7 ตำแหน่งทางการเมือง
ถามว่าจะมี “รายจ่าย” ตามมาหรือไม่
ในเมื่อพรรคพลังประชารัฐก็มิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
“รายจ่าย” นี้จะเกิดผลทันทีที่ “ไม่ทำ”