สถานีคิดเลขที่12 : บึ้ม‘นาม-รูป’ธรรม : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

ตอนที่ทีมงาน “มติชนสุดสัปดาห์” เลือกคำพาดปก “ปฏิบัติการ วางทุ่นระเบิด”

ระเบิด เป็น ระเบิดในเชิง “นามธรรม”

เป็น “ปมร้อน-ปมวิกฤต” ทางการเมือง ที่เรือเหล็ก “ประยุทธ์ 2” จะเผชิญ

มิได้ตั้งใจให้หมายถึงระเบิดรูปธรรม ที่ตูมตามเขย่าขวัญขึ้นหลายจุดใน กทม.

Advertisement

เดี๋ยวจะหาว่า “มติชนสุดสัปดาห์” ได้ “ซิก” อะไรมา

นี่ก็ประหลาดใจอยู่เหมือนกัน ว่าใครช่างกล้า

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่มีมาตรา 44 อยู่ในมือ

แต่ก็รวบเอาอำนาจทุกอย่างไว้ในมือ ทั้ง กองทัพ ตำรวจ ดีเอสไอ

จึงไม่น่าจะมีใครกล้า “รับน้อง”

แต่ก็เกิดขึ้น

จะโยงปัญหาใต้ ปัญหาคนหน้าเก่า

“แก้ม” ฝ่ายความมั่นคงตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถว แดงเป็นปื้น

แถมเป็น “ระเบิด” (จริง) ที่มาเสริมระเบิด (การเมือง) ในรัฐสภา ภายหลังจากการเปิดอภิปรายนโยบายของรัฐบาลให้หนักขึ้น

และถือว่า “รวดเร็ว” เพราะเรือเหล็ก ยังไม่ออกจากท่าเลย

ทุ่นระเบิด ก็โผล่ขึ้นชวนหวาดเสียวหลายลูก

และที่กำลังเป็นเรื่องฉุกเฉิน และต้องรีบหาทางปลดชนวนเป็นการด่วน เพราะอันตราย

แต่ดูแล้วไม่ง่าย

วัดจากปฏิกิริยา ของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย

ที่พอเจอผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดข้อสงสัยของพรรคฝ่ายค้าน เรื่องการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับหน้าที่ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด

กำหนดให้เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯ

และกำหนดให้กล่าวตามที่กำหนดหรือเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างครบถ้วนกระบวนการ

จึงจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับเว้นไปประโยคหนึ่ง เป็นประโยคสำคัญ อย่างไม่ทราบเหตุผล

ลืม อ่านข้าม หรือจงใจ ที่จะไม่พูด

ล้วนเป็นปริศนาที่ฝ่ายค้านหยิบมาถาม

ซึ่งโดยปกติ นายวิษณุจะเป็นคุ้งเป็นแควในการอธิบายเรื่องต่างๆ

แต่เรื่องนี้ ไม่ตอบ

แถมยังพูดเป็นปริศนา “เรื่องนี้ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น วันหนึ่งจะรู้เองว่าทำไมถึงไม่ควรพูด”

แต่แม้ไม่พูด นายปิยบุตร แสงกนกกุล ก็มาเปิดโปงว่านายวิษณุเคยเขียนเรื่องถวายสัตย์ฯเอาไว้ชัดเจน

ชัดเจนว่าต้องทำโดยเคร่งครัด จะลืม จะข้ามไม่ได้

นายวิษณุก็เลยพาออกอ่าวดื้อๆ ว่า 1) เมื่อได้ถวายสัตย์ฯแล้ว 2) ได้พระราชทานพรแล้ว 3) แถลงนโยบายแล้ว 4) ลงมือทำงานไปแล้ว ถือว่าจบ

จบ จริงหรือไม่ วิญญูชน ย่อมพิจารณาได้

ลองหลับตาสมมุติว่าหากกรณีนี้เกิดกับเพื่อไทยหรืออนาคตใหม่ จะเป็นอย่างไร ป่านนี้คงตกเป็นจำเลยคดีไปเรียบร้อย

ดังนั้น การรวบรัดหรือจบเรื่องแบบสีข้างเป็นแผล

เชื่อว่า ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลอย่างแน่นอน

และคงจะถูกขยายผล ทั้งนอกและในสภา

ในสภาคงทั้งผ่านกระทู้ ญัตติด่วน และญัตติสำคัญชี้เป็นชี้ตายรัฐบาลคือ การพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2563 ที่ทุ่นระเบิดเหล่านี้จะถูกจับโยงเข้าไปเกี่ยวข้อง

เพื่อชี้ความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล

ส่วนนอกสภานั้น ไม่เหนือความคาดหมาย

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ให้ไต่สวน พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ด้วย

เพราะก่อนประชุมร่วมรัฐสภา ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย 8 คน เข้าชื่อเสนอต่อนายชวนเสนอให้เลื่อนการประชุมร่วมรัฐสภาออกไป เพราะพบปัญหานี้

แต่ประธานไม่ได้สั่งเลื่อนการประชุม ยังคงเดินหน้าให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อไป

เรื่องนี้ จึงกลายเป็น “ระเบิด” การเมืองลูกใหญ่

“เรือเหล็ก” ประยุทธ์ จึงเผชิญ บึ้ม “นาม-รูป” ธรรมด้วยประการฉะนี้

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image