การวางระเบิดตามจุดสำคัญๆ ใน กทม. ตั้งแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพไทย ศูนย์ราชการศูนย์การค้า สถานีรถไฟฟ้า เหตุเกิดระหว่างวันที่ 1 และ 2 สิงหาคม เป็นผลงานใครและต้องการอะไรจากผลงาน มีคำอธิบายหลายแนวทางด้วยกัน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ให้ทรรศนะว่า ลักษณะเหตุการณ์รูปแบบการก่อเหตุคล้ายกับเหตุการณ์ในปี 2549 ที่เป็นกลุ่มคนเดิมๆ มีแนวคิดเดิมๆ และมาจากสำนักเดิมๆ เคยระเบิดป้อมตำรวจหลายจุด สิ่งที่เป็นห่วงก็คือจะมีฝ่ายการเมืองหรือพวกที่ไม่หวังดีกับประเทศมาใส่ความว่าฝ่ายความมั่นคงทำเรื่องแบบนี้ทำเอง เพราะเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ทั้งที่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มเดิมๆ ความคิดเดิมๆ มีคนสั่งการคนเดิม แต่คนลงมืออาจเป็นคนหน้าใหม่
ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า การระเบิดมีความเชื่อมโยงกัน
2-3 จุด เนื่องจากเป็นระเบิดชนิดเดียวกัน ซึ่งผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมคล้ายกับกลุ่มที่เคยลอบวางระเบิดใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2559 แต่เป็นกลุ่มคนหน้าใหม่จึงไม่มีข้อมูลในสารบบ ข่าวจากตำรวจระบุว่า มีการควบคุมผู้ต้องสงสัย 2 คนที่เดินทางจากภาคใต้ขึ้นมา กทม.และเดินทางกลับ นำส่งให้ศูนย์ซักถามในภาคใต้ดำเนินการต่อไป และต่อมามีรายงานข่าวว่า ผู้ต้องสงสัยยอมรับว่าลงมือเพราะแค้นที่เพื่อนที่บาดเจ็บสาหัสหลังจากถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว
ยังมีการเชื่อมโยง และสันนิษฐานไปอีกหลายทิศหลายทาง รวมถึงตั้งข้อสงสัยต่อผู้นำการเมืองพรรคการเมือง ที่เป็นเป้าหมายของกลุ่มอำนาจในปัจจุบัน ด้วยการเสนอความเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย น่าสังเกตว่า ประชาชนทั่วไปอยู่ในความสับสนและไม่แน่ใจว่า เกิดอะไรขึ้น และเสาะแสวงหาข่าว หาคำตอบกันเอง เพราะไม่แน่ใจและไม่เชื่อในคำตอบจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ ในเรื่องนี้ รัฐบาล และหน่วยงานทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทัพ ต้องเป็นหลักในการให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ ไม่เบี่ยงเบนด้วยเหตุผลทางการเมือง เพื่อลดความสับสนและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนานาชาติที่รอฟังผลการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐอยู่
