และแล้ว 7 พรรคฝ่ายค้านก็นำรายชื่อ 214 ส.ส.เข้ายื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่โหวตลงมติ ต่อ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร
กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2562
ไม่ครบถ้วนด้วยถ้อยคำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 กำหนดไว้
แถมเพิ่มข้อความเข้าไปด้วย
พลิกไปเปิดหนังสือ “หลังม่านการเมือง” เขียนโดย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มือกฎหมาย “ขั้นเทพ”
มีบางตอนเกี่ยวกับการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีระบุว่า “จะพูดน้อยหรือยาวกว่านี้ไม่ได้ หากตกคำว่า “และ” คำว่า “หรือ” ไปสักตัว ก็อาจต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า “ได้ถวายสัตย์ครบถ้วนหรือยัง”
ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เองไปชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูงที่เมืองทองธานี บางช่วงพูดถึงรัฐธรรมนูญยังเอ่ยปากขอโทษคณะรัฐมนตรีและ “จะขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”
แต่นี่เวลาก็ล่วงเลยมานานนับเดือนแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวนั้น จะทำอย่างไร แบบไหน?
ล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาให้สัมภาษณ์ที่สภากลาโหมเกี่ยวกับปมถวายสัตย์ฯว่า “ผมเชื่อมั่นว่าทำครบถ้วนกระบวนการอยู่แล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย”
เมื่อผู้สื่อข่าวแหย่คำถามว่าฝ่ายค้านระบุนายกฯกลัวการอภิปราย “บิ๊กตู่” ก็สวนว่า “ผมจะกลัวทำไม ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
การพูดกลับไปกลับมาครั้งแรก “ขอโทษ ครม.” ครั้งนี้ฮึด “มั่นใจทำครบถ้วนแล้ว” ยิ่งทำให้สังคมสับสน
ปากที่ว่าไม่กลัวอภิปรายในสภา แต่ฝ่ายค้านเองพยายามยื่นกระทู้ถามนายกฯ โดยใช้อำนาจตาม ม.150 ของรัฐธรรมนูญ มา 2 สัปดาห์แล้ว
แต่ “บิ๊กตู่” ปัดมาโดยตลอด อ้างติดภารกิจ
ครั้งแรกไปตรวจเยี่ยมที่ภาคใต้
ครั้งสองติดภารกิจร่วมกิจกรรมจิตอาสา
ทว่าครั้งนี้ฝ่ายค้านเปลี่ยนแผน ใช้อำนาจตามมาตรา 152 ยื่นซักฟอกแบบไม่ลงมติ
โดยมาตรา 152 ระบุให้ ส.ส.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อกัน
จึงเป็นที่มาของ 214 ส.ส.ซีกฝ่ายค้านทำหนังสือยื่น “ชวน” เสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถาม ข้อเท็จจริง และเสนอต่อ ครม.
ซึ่ง “ชวน” ยังมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรต้องมาตอบ พร้อมสอนมวยว่า การไม่มาชี้แจงต่อสภา ตามหลักการต้องแจ้งถึงเหตุผลตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 150 กำหนดไว้
ก่อนจะกรีดนิ่มๆ ว่าก่อนหน้านี้นายกฯไม่เคยแจ้งเหตุผลมายังสภาเลย!
ฉะนั้น ครั้งนี้น่าจะเป็นไฟต์บังคับที่ “บิ๊กตู่” ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้กับญัตติดังกล่าว
แน่นอนฝ่ายค้านคงทำการบ้านมาอย่างดี การอภิปรายคงดุเด็ดเผ็ดมันหลากหลายมิติ
ทั้งสอบถามข้อเท็จจริง การนำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน การเพิ่มเติมข้อความเข้าไปเพราะเหตุใด
หรือภาพลักษณะที่ควักกระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อนั้นคืออะไร?
รวมทั้งอาจมีข้อเสนอแนะที่ฝ่ายค้านระบุหลายครั้งหลายหน หรืออาจเลยเถิดพูดกดดันไปถึงขั้นให้ “ลาออก” ด้วยก็ได้?
อย่าลืมว่านี่แหละคือเกมการเมืองที่ฝ่ายค้านจะต้องตรวจสอบรัฐบาล
ถ้าเปรียบเป็น “มวย” ยังเป็นแค่ “หมัดแย็บ” ไปที่ใบหน้าหรือลำตัว ก่อกวน ทำลายสมาธิคู่ต่อสู้ เพื่อรอจังหวะเวลาปล่อย “หมัดตรง” หรือ “อัปเปอร์คัต” เข้าปลายคางหวังน็อกเอาต์
ดังนั้น คงต้องจับตาดู “บิ๊กตู่” จะตอบญัตติดังกล่าว แบบไหน อย่างไร?
จะ “แถ” สีข้างเข้าถู หรือมีเหตุมีผลกลใด!
เพราะนี่จะเป็นคำตอบที่สังคมจะชั่งน้ำหนัก “เชื่อมั่น” หรือ “บั่นทอน” ที่มีต่อ “ผู้นำ” ของประเทศ?!