กรณีคุณไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปที่กำลังกลายเป็นอดีต เมื่อสิ้นกระบวนการยื่นขอเลิกพรรค
คุณไพบูลย์มุ่งหน้าเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่ความน่าประหลาดใจอะไรนัก เพราะรับรู้รับทราบโดยทั่วกันว่าเจ้าตัวเหนียวแน่น ส่งแรงเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ชนิดแฟนพันธุ์แท้
แต่สิ่งที่ยากจะดูเบา ไม่ใช่เรื่องแค่ ส.ส. 1 คนไปเติมเสียงให้กับพรรคการเมือง หรือการยุบเลิกพรรคขนาดเล็ก 1 พรรค พ้นจากสารบบพรรคการเมืองไทยเท่านั้น
ความน่าสนใจอยู่ที่คุณไพบูลย์พกสถานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองหนึ่ง ไปยังอีกพรรคการเมืองหนึ่ง ถูกต้องเหมาะสม ชอบธรรมตามกติกาเพียงใด
ต้องไม่ว่า ทุกหนึ่งคะแนนที่โหวตให้ประชาชนปฏิรูป น่าจะสรุปเจตนาของผู้มีสิทธิออกเสียงได้ 2 ทาง
หนึ่ง ลงคะแนนให้กับผู้สมัคร ส.ส.เขตของพรรค
หนึ่ง ลงคะแนนให้ในฐานะพรรคการเมือง
เพราะฉะนั้นกว่า 4.5 หมื่นเสียงที่ลงคะแนนให้ประชาชนปฏิรูป จึงไม่ใช่ใครเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว แม้แต่คุณไพบูลย์หัวหน้าพรรคก็ตาม
เพียงแต่คุณไพบูลย์ได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นเรื่องทางเทคนิคเท่านั้น
สมมุติมีช่องอนุโลมใดเปิดทางให้ (ซึ่งผู้เขียนนึกไม่ออกว่าจะมีช่องทางไหน) ก็ยังเจอปัญหาข้อกฎหมายตามมาอีกมากมาย
คุณไพบูลย์เข้าไปอยู่พรรคพลังประชารัฐในฐานะเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะไปเข้าคิวในบัญชีอย่างไร ในเมื่อพลังประชารัฐก็มีบัญชีรายชื่อของตัวเองอยู่เดิมแล้ว
หรือคุณไพบูลย์จะตั้งอยู่ลอยๆ นอกบัญชีพรรค กลายเป็น ส.ส.พันธุ์ใหม่
เป็น ส.ส.พันธุ์อมตะ แบบที่ “สติธร ธนานิธิโชติ” จากสถาบันพระปกเกล้าให้ข้อสังเกต หากอยู่นอกบัญชีรายชื่อ 150 คน จะเกิดปรากฏการณ์ว่า ส.ส.ที่มาจากระบบย้ายเข้า กลายเป็น ส.ส.อมตะไม่มีวันตาย คือสำหรับคนอื่นๆ เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ในเขตที่มีการทุจริตการเลือกตั้ง จะต้องมีการคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ คนอื่นมีโอกาสหลุดออกจากความเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ แต่คนที่ลอยมาจากพรรคอื่นอยู่นอกบัญชี แปลว่าสถานะ ส.ส.คงที่ตลอดไป
เคสคุณไพบูลย์ยังชวนให้คิดต่อไปอีก
หาก ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคขนาดเล็ก 1 เสียง เดินตามรอยนี้บ้าง ทั้งหลักการ ทั้งระบบ ที่วางไว้คงวุ่นวายเอาเรื่อง
ที่สำคัญจะกลายเป็นการสบช่องหลบเลี่ยงและขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในเมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่พยายามป้องกันพรรคใหญ่ฮุบพรรคเล็ก กำหนดห้ามควบรวมพรรคการเมืองหลังเลือกตั้ง จะทำได้ต้องภายหลังสภาสิ้นวาระหรือสภาถูกยุบเท่านั้น
บทสรุปกรณีคุณไพบูลย์ น่าจะได้ข้อยุติในการวินิจฉัยของคณะกรรมการเลือกตั้งในสัปดาห์นี้
การสละเรือเล็กประชาชนปฏิรูปโผขึ้นเรือเหล็กพลังประชารัฐ นับเป็นหนึ่งความท้าทายกติกาการเมือง เชื่อว่าจะมีตามมาอีก อันมีต้นตอจากรัฐธรรมนูญ 2560
ไม่ว่า การออกแบบจนยากจะมีพรรคการเมืองใดได้คะแนนเสียงเด็ดขาด ส่งผลให้เกิดพรรคเล็กพรรคน้อยจำนวนมาก ในที่สุดพรรคการเมืองที่มีเสียงพอสมควรตนเองกวาดต้อนพรรคเล็กอื่นจัดตั้งรัฐบาล ที่มีผลต่อเสถียรภาพอย่างที่เห็นกันวันนี้
ไม่ว่า จะเป็นสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบจัดสรรปันส่วนผสม ซับซ้อนพิลึกพิลั่นน่ากังขา
ไม่ว่า บทเฉพาะกาลให้ ส.ว. 250 เสียงจากการแต่งตั้ง มีสิทธิร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
และอีกหลายปมซุ่มซ่อนตามจุดต่างๆ ในกฎหมายสูงสุดของประเทศ
กรณีคุณไพบูลย์จึงเท่ากับเติมความชอบธรรมให้ความพยายามแก้รัฐธรรมนูญ ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านผลักดันอย่างเอาการเอางานในขณะนี้
สัญญา รัตนสร้อย