มีคำถามมามากว่า ตกลงแล้วเศรษฐกิจไทยตอนนี้แย่จริงหรือ คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับว่าไปถามใคร
ถ้าไปถามคนทำธุรกิจขนาดใหญ่ หรือคนบางกลุ่มที่อยู่ใกล้ผู้มีอำนาจ คำตอบที่ได้ ก็คงบอกว่าเศรษฐกิจไทยดีกว่าอีกหลายประเทศ
แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจ ทั้งการส่งออกตกลงอย่างน่าใจหาย ตัวเลขคนว่างงานเริ่มสูงขึ้นจนน่ากังวล ตัวเลขหนี้ครัวเรือนพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ
แต่กลุ่มคนเหล่านี้จะได้เปรียบกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะสามารถเข้าถึงทรัพยากร เข้าถึงโอกาสต่างๆ ในสังคมได้มากกว่า
แต่ถ้าไปถามผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศ ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า เศรษฐกิจไม่ดี ค้าขายฝืดเคือง ข้าวของแพงขึ้น
ต้นทุนการใช้ชีวิตสูงขึ้นแทบทุกอย่าง ทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
มีเสียงสะท้อนมาจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ขนาดกลางและขนาดเล็ก แต่ละรายล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำมาค้าขายฝืดเคืองหนักขึ้นเรื่อยๆ
สงสัยว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทั้งที่ตอนนี้บ้านเราก็ผ่านการเลือกตั้งมาแล้วไม่ใช่หรือ ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจแล้วไม่ใช่หรือทำไมถึงยังแย่อยู่อีก และอาจจะแย่หนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ตอนนี้ผู้ประกอบการต่างๆ ล้วนแล้วแต่คาดหวังจากทางภาครัฐเพราะฟากเอกชนทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก ต่างถูกรายใหญ่กวาดตกโต๊ะแทบจะหมดแล้ว
ดังนั้นจึงหวังพึ่งงานจากภาครัฐเป็นหลัก แต่ก็ต้องมาเจอปัญหาอีกแบบ แม้ว่าการรับงานจากภาครัฐค่อนข้างแน่นอน แต่ก็มีปัญหาการเบิกจ่ายไม่ง่ายอย่างที่คิด
โดยเฉพาะหน่วยงานตามต่างจังหวัด ทั้ง อบจ. อบต. เทศบาล หรือแม้แต่ระดับจังหวัด แต่ละแห่งมีงบประมาณกระจายอยู่ทั่วประเทศก็จริง แต่การเข้าประมูลงานหรือรับงานจากหน่วยงานรัฐ มักจะมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ
บางรายเข้าประมูลแข่งเพื่อรับงาน ต้องวางเงินประกัน ผลการแข่งขันออกมา แม้ว่าจะไม่ได้การคัดเลือก ก็ไม่เป็นไร แต่กว่าจะได้เงินประกันคืน เลือดตาแทบกระเด็น ต้องใช้เวลาเนิ่นนาน สร้างความเดือดร้อนกับผู้ประมูลงานอย่างมาก เพราะเงินไปจม
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เมื่อเร็วๆ นี้ หลายท่านได้ออกมาชี้ให้เห็นปัญหาปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง
ปัญหาสำคัญเร่งด่วนคือ การจัดซื้อจัดจ้างในท้องถิ่นเกือบทั้งหมด กฎหมายบอกว่าหากตรวจรับงานเสร็จสมบูรณ์ ภายใน 3 วันต้องจ่ายเงิน
แต่เรื่องจริงตรวจรับงานเสร็จแล้วแต่ 2-3 เดือน ยังไม่จ่ายเงินเลย สงสัยว่าต้องหยอดน้ำมันกันก่อนหรืออย่างไร
ผู้รับเหมาเหล่านี้บางรายไม่ได้มีเงินทองมากมาย พอชอร์ตเงิน ไปกู้แบงก์ก็ไม่ให้ ส่งผลกระทบทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นปัญหา
ยิ่งตอนนี้ กระทรวงมหาดไทยกำลังเร่งให้ อปท.ใช้งบอุดหนุนและงบสะสมที่มีอยู่ รัฐบาลยิ่งต้องใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ให้มากกว่าเดิม
หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ บรรดารายกลางรายเล็กตายเป็นเบือแน่นอน ที่สำคัญจะกระทบไปถึงตัวชี้วัดความโปร่งใสของประเทศอีกด้วย
ทางที่ดีรัฐบาลควรใช้ระบบการบริหารงานที่โปร่งใสมาจับ ให้หน่วยงานรัฐเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้สังคมช่วยตรวจสอบ ดีกว่าให้คนมาคอยคุม และปกปิดข้อมูลให้เฉพาะบางคนรู้
พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯฉบับที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับการบริหารจัดการ กลายเป็นว่ามีไว้เพื่อปกปิดข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ ทำให้เกิดช่องว่างเพื่อเอื้อประโยชน์กับคนบางกลุ่ม แทนที่จะเปิดให้สังคมช่วยตรวจสอบ
หากใช้วิธีออกระเบียบให้หน่วยงานรัฐเปิดเผยข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างในเว็บไซต์ของตัวเอง นอกจากเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง เพื่อให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่าคนของเขาที่เลือกมา ทำงานเป็นอย่างไร
จะช่วยให้งานเดินได้อย่างปกติแล้ว และยังจะเกิดความโปร่งใส เป็นเกราะกำบังผู้ปฏิบัติอีกด้วย
เรื่องแบบนี้ทำไม่ยาก ถ้าตั้งใจจะทำเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความโปร่งใสจริงๆ
ไม่ว่าจะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลที่มาจากการสืบทอดอำนาจ ทำได้ทั้งนั้น
สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา
